บลจ.กสิกรไทย ลุยปันผลกองทุนหุ้น K-USA และ K-EUROPE มูลค่ารวม 180 ล้านบาท ดีเดย์ 14 พ.ย.นี้ พร้อมมองหุ้นยุโรปน่าสนใจ กำไรบริษัทจดทะเบียนเติบโต ราคาหุ้นถูกกว่าตลาดพัฒนาแล้ว
นายนาวิน อินทรสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุนต่างประเทศ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย (KAsset) เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมจ่ายปันผลกองทุนเปิดเค ยูเอสเอ หุ้นทุน (K-USA) ในอัตรา 0.20 บาทต่อหน่วย สำหรับรอบผลการดำเนินงานตั้งแต่ 1 พฤษภาคม ถึง 31 ตุลาคม 2561 และกองทุนเปิดเค ยูโรเปียน หุ้นทุน (K-EUROPE) ในอัตรา 0.20 บาทต่อหน่วย สำหรับรอบผลการดำเนินงานตั้งแต่ 1 สิงหาคม ถึง 31 ตุลาคม 2561 โดยทั้ง 2 กองทุนจะจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีรายชื่ออยู่ในสมุดทะเบียน ณ เวลา 8.00 น. ของวันที่ 31 ตุลาคม 2561 และมีกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 14 พฤศจิกายน 2561 รวมทั้งสิ้น 187.71 ล้านบาท
นาวินกล่าวต่อไปว่า นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุน K-USA มีการจ่ายปันผลแล้วทั้งสิ้น 22 ครั้ง รวมเป็นเงินอัตรา 5.95 บาทต่อหน่วย โดยในรอบผลการดำเนินงาน 1 ปีที่ผ่านมา (1 พ.ย. 60 – 31 ต.ค. 61) กองทุนมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) เฉลี่ยอยู่ที่ 5.61% ต่อปี สำหรับผลการดำเนินงานของกองทุนมีความโดดเด่น สามารถเอาชนะเกณฑ์มาตรฐานได้ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยมีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปี และ 3 ปี อยู่ที่ 11.45% ต่อปี และ 11.41% ต่อปี เอาชนะเกณฑ์มาตรฐานซึ่งอยู่ที่ 6.68% ต่อปี และ 10.82% ต่อปี ตามลำดับ (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ต.ค. 61)
“ภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัวดี อัตราเงินเฟ้อเข้าสู่เป้าหมาย ซึ่งคาดว่า Fed จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 4 ในเดือนธันวาคมนี้ และอีก 3 ครั้งในปีหน้า ด้านผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 3 ออกมาดี ตลาดแรงงานมีความแข็งแกร่ง แต่หลายบริษัทเริ่มมีการพูดถึงปัญหาจากราคาต้นทุนด้านวัตถุดิบและต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ส่งผลต่อการทำกำไร” นายนาวินกล่าว
สำหรับกองทุน K-EUROPE นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนมีการจ่ายปันผลแล้วทั้งสิ้น 15 ครั้ง รวมเป็นเงินอัตรา 3.30 บาทต่อหน่วย โดยในรอบผลการดำเนินงาน 1 ปีที่ผ่านมา (1 พ.ย. 60 – 31 ต.ค. 61) กองทุนมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) เฉลี่ยอยู่ที่ 7.39% ต่อปี สำหรับผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปี และ 3 ปี อยู่ที่ -6.32% ต่อปี และ 2.22% ต่อปี ในขณะที่เกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ -4.83% ต่อปี และ 1.66% ต่อปี ตามลำดับ (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ต.ค. 61)
“ภาพรวมเศรษฐกิจในภูมิภาคยุโรปขยายตัวต่อเนื่อง อัตราเงินเฟ้อเร่งตัวสู่เป้าหมาย สนับสนุนการยุติมาตรการ QE ในช่วงสิ้นปีนี้ โดย ECB ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครึ่งหลังของปีหน้า แต่ยังมีความไม่แน่นอนจากปัจจัยภายในภูมิภาค อาทิ Brexit ที่ยังไม่มีความคืบหน้าแม้ว่าใกล้จะถึงเส้นตายในเดือนมีนาคม 2562 และวิกฤติหนี้ของอิตาลีที่ยังต้องเสนอร่างงบประมาณใหม่ต่อสหภาพยุโรป อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนยังคงเติบโตจากอุปสงค์ในภูมิภาค รวมถึงระดับราคาหุ้นที่สมเหตุสมผลและยังอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้วอื่นๆ ทำให้หุ้นยุโรปยังมีความน่าสนใจ” นายนาวินกล่าว