HoonSmart.com>>บล.กสิกรไทยให้แนวรับที่ 1,375 และ 1,360 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,400 และ 1,410 จุด ส่วนค่าเงินบาท ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวที่ระดับ 33.90-34.70 บาทต่อดอลลาร์ฯ จากท้ายสัปดาห์ที่ผ่านมาแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบเกือบ 2 สัปดาห์ที่ 34.50 บาท สอดคล้องกับนักลงทุนต่างชาติขายทั้งหุ้นและพันธบัตรไทย
บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทยมองหุ้นสัปดาห์ถัดไป (6-10 ม.ค. 2568) ดัชนีหุ้นมีแนวรับที่ 1,375 และ 1,360 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,400 และ 1,410 จุด ตามลำดับ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนธ.ค. 2567 ของไทยและทิศทางเงินทุนต่างชาติ
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี ISM/PMI ภาคการบริการ ข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชนของ ADP ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราการว่างงานเดือนธ.ค. 2567 ตัวเลขนำเข้าและส่งออกเดือนพ.ย. 2567 บันทึกการประชุมเฟด รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการบริการเดือนธ.ค. 2567 ของญี่ปุ่น จีน และยูโรโซน รวมถึงดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนธ.ค. 2567 (เบื้องต้น) และดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนพ.ย. 2567 ของยูโรโซน
สัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนีหุ้นย่อตัวลงเล็กน้อยในช่วงต้นสัปดาห์ ซึ่งเป็นวันทำการสุดท้ายของปี 2567 ขณะที่ นักลงทุนบางส่วนชะลอการลงทุนก่อนวันหยุดปีใหม่เนื่องจากขาดปัจจัยใหม่ๆ เข้ามากระตุ้นตลาด (ณ 30 ธ.ค. 67 SET Index ปิดที่ระดับ 1,400.21 จุด ลดลง 1.10% จากระดับปิด ณ สิ้นปี 2566)
ดัชนีหุ้นไทยร่วงลงแรงต่อเนื่องหลังตลาดกลับมาเปิดทำการวันแรกของปี 2568 ท่ามกลางแรงขาย โดยเฉพาะในหุ้นบิ๊กแคปรายตัวของบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และบริษัทผู้ประกอบธุรกิจด้านพลังงานจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลขั้นต่ำทั่วโลก (Global Minimum Tax) ที่ระดับ 15% ซึ่งเริ่มมีผลตั้งแต่ 1 ม.ค. 2568 อย่างไรก็ดี ดัชนีหุ้นฟื้นตัวกลับมาได้บางส่วนช่วงปลายสัปดาห์ โดยมีแรงหนุนจากแรงซื้อคืนหุ้นที่ร่วงลงแรงก่อนหน้านี้ อนึ่งหุ้นกลุ่มแบงก์ปรับตัวขึ้นสวนทางภาพรวมตลาดท่ามกลางแรงซื้อเก็งกำไรก่อนประกาศผลประกอบการไตรมาส 4/2567
ในวันศุกร์ที่ 3 ม.ค. 2568 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,384.76 จุด ลดลง 1.19% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 32,833.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.56% ส่วนดัชนี mai ลดลง 0.87% มาปิดที่ระดับ 307.41 จุด
ส่วนแนวโน้มค่าเงินบาทสัปดาห์วันที่ 6-10 ม.ค. 2568 ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวที่ระดับ 33.90-34.70 บาทต่อดอลลาร์ฯ
ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อเดือนธ.ค. ของไทย สัญญาณเงินทุนต่างชาติ ทิศทางเงินหยวนและราคาทองคำในตลาดโลก
สัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปรับตัวในกรอบแคบๆ ช่วงต้นสัปดาห์ ก่อนจะพลิกอ่อนค่ากลับมาตามทิศทางการอ่อนค่าของสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาคและเงินหยวน ซึ่งเผชิญแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากนโยบายการค้าของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนถัดไปของสหรัฐฯ
นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ฯ ยังมีแรงหนุนเพิ่มเติมจากข้อมูลด้านตลาดแรงงานของสหรัฐฯ ซึ่งสนับสนุนการคาดการณ์เกี่ยวกับแนวโน้มการชะลอจังหวะการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ ลดลง 9,000 ราย ไปอยู่ที่ระดับ 211,000 รายในสัปดาห์ที่ผ่านมา vs. ตลาดคาดที่ 222,000 ราย)
ทั้งนี้ เงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่องในช่วงท้ายสัปดาห์ไปแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบเกือบ 2 สัปดาห์ที่ 34.50 บาท สอดคล้องกับสถานะขายสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ
ในวันศุกร์ที่ 3 ม.ค. 2568 เงินบาทปิดตลาดในประเทศที่ 34.42 บาท เทียบกับระดับ 34.11 บาท ในวันศุกร์ก่อนหน้า (27 ธ.ค. 67) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 30 ธ.ค. 2567 – 3 ม.ค. 2568 นั้น ขายสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทย 1,140 ล้านบาท และ 7,861 ล้านบาท ตามลำดับ