ปี 67 หุ้น IPO เข้าซื้อขายเพียง 32 บริษัท น้องใหม่ SET แจกกำไร 5 บริษัท mai 4 บริษัท

HoonSmart.com>>ในปี67 หุ้นไทยยังคงปรับตัวลงต่อเนื่อง -1.02% ส่งผลกระทบต่อหุ้น IPO มีหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) จำนวน 14 บริษัท และตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) 18 บริษัท ลดลงจากในปี 2566 ที่มีบริษัทเข้า SET จำนวน 20 บริษัท และ mai 20 บริษัท ที่สำคัญล่าสุด 27 ธ.ค.2567 ราคาหุ้นน้องใหม่ ส่วนใหญ่ร่วงลงต่ำกว่า IPO หลายบริษัททำขาดทุนสูงกว่า 30-50% และนักลงทุนไม่สนใจลงทุน 

หุ้นน้องใหม่ใน SET สอบผ่านเพียง 5 บริษัท นำโดย OKJ แจกกำไรให้สูงที่สุดถึง 131.34% ตามด้วย ADVICE  สร้างผลตอบแทน 91.36%  BKGI แจก  32.13%  PCE  ให้ผลตอบแทน  28.95% และ SNPS  แจก 23.81%

ขณะที่หุ้น NL ทำขาดทุนหนักที่สุดถึง -58.46% CHAO ขาดทุน 44.92% และ CREDIT  ร่วงลง 36.55% จากราคา IPO

ส่วนบริษัทน้องใหม่ใน mai สอบผ่าน 4 บริษัท  LTS ให้กำไรสูงที่สุดถึง 416.67% APO แจก 102.02% SEI ให้ 29.68% และ MAGURO ให้ผลตอบแทน 28.93%

บริษัทที่ให้ผลขาดทุนมากที่สุด 3 อันดับแรก คือ QTCG แย่ที่สุด -70.83% PANEL ทำขาดทุน-65.76% EURO -54.72%

หุ้น IPO ที่เข้าตลาดน้อยลงและทำให้นักลงทุนขาดทุน ส่วนหนึ่งเป็นไปตามภาวะตลาดหุ้นไทย ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,401.46 จุด (ณ 27 ธ.ค. 2567) ลดลง 14.39 จุด หรือ-1.02% จากระดับ 1,415.85 จุด ณ สิ้นปี 2566  เกิดจากนักลงทุนต่างชาติขายทิ้งหุ้นออกมาอย่างหนักมากถึง -147,579.47 ล้านบาท  เพราะเศรษฐกิจอ่อนแอ มีการปรับลดประมาณการการเติบโตหลายครั้ง คาดปีนี้โตต่ำกว่า 3% กระทบต่อการทำกำไรของบริษัทจดทะเบียน รวมถึงความผันผวนของค่าเงินบาท ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และนักลงทุนขาดความเชื่อมั่นต่อตลาดหุ้นไทย หลังเกิดเหตุการณ์ใหญ่ๆหลายครั้ง ขณะที่ปัจจัยลบต่างประเทศมีหลายเหตุการณ์ที่เข้ามากระทบต่อไทย แต่ตลาดหุ้นต่างประเทศหลายแห่งกลับสร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์หรือ All  time high หรือสร้างสถิติสูงสุดใหม่รอบแล้วรอบเล่า หรือ New High

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนไทยซื้อหุ้นเก็บมากถึง 99,931.54 ล้านบาท รวมถึงสถาบันไทยช่วยซื้อ 47,925.14 ล้านบาท เกิดจากการจัดตั้งกองทุนวายุภักษ์หนึ่ง และกองทุน TESG ที่รัฐบาลสนับสนุนให้นักลงทุนลงทุน เพื่อประสิทธิประโยชน์ทางภาษี

ผู้บริหารบริษัทหลักทรัพย์ กล่าวว่า แนวโน้มหุ้น  IPO  ในปี 2568  คาดว่ายังมีโอกาสชะลอตัวลงจากปีนี้ บางบริษัทอาจจะไม่รีบขายหุ้น ขอรอดูสถานการณ์ก่อน เมื่อพิจารณาจากหลายสำนักคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปีนี้ว่าจะขยายตัว 2.4-3.0%  หลายปัญหาที่เกิดขึ้นยังต้องใช้เวลาในการแก้ไข เช่น หนี้ครัวเรือนสูง แม้ว่ารัฐบาลจะช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางและมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลายครั้งก็ตาม ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยง่างประเทศ ทั้งเรื่องสงครามทางการค้า และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์  ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรของบจ.  และบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย

 

 
 
 
———————————————————————————————————————————————————–