ACE เซ็น PPA 8 โรงไฟฟ้าชีวมวล เพิ่ม EBITDA 1.2-1.3 พันล้านบ./ปี

HoonSmart.com>>”แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้” ACE  ลงนาม กฟภ.  PPA 8 โรงไฟฟ้าชีวมวล VSPP กำลังผลิตติดตั้งรวม 79.2  MW กำลังผลิตเสนอขายรวม 64  MW  เดินหน้าก่อสร้าง  คาดเปิด COD ครบจะช่วยสร้างรายได้เพิ่มปีละประมาณ 2,400 ล้านบาท เพิ่ม EBITDA อีก 1,200 – 1,300 ล้านบาท ช่วยลดการปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้ปีละประมาณ 270,000 ตัน  รับซื้อวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิง ช่วยสร้างรายได้ให้เกษตรกรอีกปีละประมาณ 1,000 ล้านบาท ช่วยลดพื้นที่เผาเศษวัสดุเหลือใช้ในที่โล่ง อีกปีละประมาณ 1.14 ล้านไร่ 

นายธนะชัย บัณฑิตวรภูมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้  หรือ ACE ผู้นำด้านธุรกิจพลังงานสะอาดของไทย เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 21 พ.ย. 2566 ที่ผ่านมา การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) คืนสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ของโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล VSPP ที่อยู่ระหว่างรอการพัฒนา จำนวน 8 โครงการ ขนาดกำลังการผลิตติดตั้งรวม 79.2 เมกะวัตต์ (MW) และกำลังการผลิตเสนอขายรวม 64.0 เมกะวัตต์ ให้กับบริษัทย่อยต่างๆ ในกลุ่ม ACE ที่เป็นเจ้าของโครงการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามคำสั่งของศาลปกครองกลางเมื่อวันที่ 22  ก.ย. 2566 ที่มีคำพิพากษาให้ กฟภ. ปฏิบัติตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการที่มีก่อนหน้านี้

“การได้คืนมาซึ่ง PPA ของโรงไฟฟ้าชีวมวล VSPP ทั้ง 8 โครงการ โดยเป็นสัญญาการซื้อขายไฟฟ้าแบบ Feed-in Tariff (FiT) ถือเป็นสัญญาณที่ดีในด้านการเพิ่มกำลังการผลิตรวม ที่จะส่งผลต่อการสร้างรายได้เพิ่มในอนาคต ทั้งนี้คาดว่าหากเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ครบทั้ง 8 โครงการ จะช่วยเพิ่มรายได้จากการขายไฟฟ้าอีกประมาณ 2,400 ล้านบาทต่อปี และช่วยเพิ่ม EBITDA ได้อีกประมาณปีละ 1,200 – 1,300 ล้านบาท” นายธนะชัยกล่าว

นายธนะชัย กล่าวเสริมว่า โครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลของ ACE เหล่านี้ นอกจากก่อให้เกิดประโยชน์ในมิติเศรษฐกิจต่อ ACE แล้ว ยังช่วยสร้างประโยชน์ในมิติสิ่งแวดล้อมและมิติสังคมควบคู่กันด้วย ซึ่งครบทั้ง 3 มิติ E, S และ G ตามหลักการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน (Sustainability) โดยทั้ง 8 โครงการนี้ เมื่อ COD ผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงชีวมวลที่เป็นพลังงานหมุนเวียนแทนการผลิตไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลแล้ว คาดว่าจะช่วยลดการปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้ปีละประมาณ 270,000 ตัน ขณะที่การรับซื้อวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงของโรงไฟฟ้ากลุ่มนี้ก็ช่วยสร้างรายได้ให้เกษตรกรอีกปีละประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยจะสัมพันธ์ไปกับการช่วยลดพื้นที่เผาเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรในที่โล่ง คำนวณเป็นพื้นที่ได้อีกปีละประมาณ 1.14 ล้านไร่ ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหา PM 2.5 ให้กับประเทศไปได้พร้อมกัน”

ทั้งนี้ เมื่อรวมกับโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดแห่งอื่นๆ ที่เปิด COD ก่อนหน้าแล้วนั้นจะทำให้กลุ่มโรงไฟฟ้าทั้งหมดของ ACE สามารถช่วยลดการปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้รวมกันปีละประมาณ 660,000 ตัน สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรได้ปีละกว่า 2,600 ล้านบาท ทั้งช่วยแก้ปัญหา PM 2.5 ด้วยการลดพื้นที่เผาเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรในที่โล่งปีละประมาณ 3 ล้านไร่ไปได้พร้อมกัน รวมถึงรายได้เพิ่มที่ตกสู่มือเกษตรกรโดยตรงยังช่วยก่อให้เกิดการหมุนเงินในระบบเศรษฐกิจได้ปีละประมาณ 18,000 – 21,000 ล้านบาท ซึ่งทั้งหมดนี้สอดรับตามกลยุทธ์ธุรกิจที่คณะผู้บริหารวางไว้นั่นคือ มุ่งสู่การเป็น “ต้นแบบผู้นำด้านธุรกิจพลังงานสะอาดของโลก” และพร้อมเดินหน้าไปสู่เป้าหมาย “การเป็นองค์กรที่มีการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี ค.ศ. 2050″