เกิดอะไรขึ้นกับ CZ และ Binance ??

เรียบเรียงโดย : ณัฐพงษ์ ชรัวสวรรค์  นักวิเคราะห์ (Analyst)

:  อภินัทธ์ เดชดอนบม นักวิเคราะห์ (Analyst)

บริษัท คริปโตมายด์ แอดไวเซอรี่ จำกัด

 

 

HoonSmart.com>> เกิดอะไรขึ้นกับ CZ และ Binance ?? และ อนาคตของ Binance ต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร ส่งผลอย่างไรต่อวงการคริปโท 

ช่วงเช้ามืดวันที่ 22 พ.ย.  2023  เกิดข่าวใหญ่สะเทือนวงการคริปโทฯ จนกลายเป็นประเด็นร้อนแรงอย่างรวดเร็ว นั่นก็คือ ข่าวที่ Changpeng Zhao (CZ) ได้ประกาศลาออก จากการเป็น CEO ของ Binance – Crypto Exchange อันดับ 1 ของโลกที่ตนสร้างขึ้นมาและบริหาร มานานกว่า 6 ปี ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้หลายคนตกใจต่อข่าวนี้อย่างมาก แล้วสาเหตุอะไรที่ทำให้ CZ ต้องตัดสินใจแบบนี้ ?

เรื่องนั้นเริ่มมาตั้งแต่เมื่อเดือนมี.ค. 2023 หน่วยงาน Commodity Futures Trading Commission (CFTC) ของสหรัฐได้ทำการยื่นฟ้องร้อง Binance โดยกล่าวหาว่า  Binance  ให้บริการตลาดซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีให้กับชาวสหรัฐฯ อย่าง “ผิดกฎหมาย” และยังมีการกระทำอีกหลายอย่างที่หลีกเลี่ยงกฎหมายสหรัฐฯ โดยเจตนา ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นการปราบปรามจากหน่วยงานของสหรัฐฯ ต่อ Binance ที่มี Changpeng Zhao (CZ) CEO ของ Binance ณ ขณะนั้นตกเป็นผู้ต้องหา

เรื่องราวยืดเยื้อมากว่า 8 เดือน จนได้ข้อสรุป โดย  Department of Justice (DOJ) หรือ กระทรวง ยุติธรรมสหรัฐ ได้เสนอเงื่อนไขเพื่อแลกกับการยุติคดีความ เนื้อหาดังนี้

– Binance ต้องจ่ายค่าปรับเป็นมูลค่า 4,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเป็นของ Financial Crimes Enforcement Network (FinCEN) จำนวน 3,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และ Office of Foreign Assets Control (OFAC) จำนวน 968 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

– CZ ต้องลงจากตำแหน่ง CEO และห้ามเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการบริหารเป็นเวลา 3 ปี และยังมีโอกาสถูกจำคุกเป็นระยะเวลา 18 เดือน

ปัจจุบัน CZ ยอมรับในข้อกล่าวหา ที่เกี่ยวข้องกับการที่ Binance ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายต่อต้านการ ฟอกเงินของสหรัฐ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงกับกระทรวงยุติธรรม การตัดสินใจลงจากตำแหน่งครั้งนี้เป็นสิ่ง ที่จำเป็นต้องทำ เพื่อง่ายต่อการเข้ามาตรวจสอบโดยหน่วยงานอิสระในช่วง 3 ปีนี้ ซึ่งสาเหตุหลักที่โดนกล่าวหาคือเรื่องการฟอกเงินคือช่วงปี 2017 ที่ Binance ไม่ได้มีการทำ KYC ทำให้ถูกใช้เป็นแหล่งในการส่งเงินผิด กฏหมาย ทั้งจากกลุ่มผู้ก่อการร้าย กลุ่มค้ายาเสพติด และประเทศที่ถูกคว่ำบาตร

หลังจากนี้ Binance จะยังสามารถให้บริการต่อไปได้โดยไม่มี CZ ด้วยการแต่งตั้ง CEO คนใหม่คือ Richard Teng ที่มีประสบการณ์ในด้าน Regulator มากว่า 30 ปี ซึ่งนับว่ามีความเหมาะสมที่จะเข้ามาบริหาร ต่อโดย Richard Teng เคยดำรงตำแหน่ง CEO ของ Financial Services Regulatory Authority at Abu Dhabi Global Market (ADGM), Chief Regulatory Officer ของ Singapore Exchange (SGX) และ Director of Corporate Finance ที่ Monetary Authority of Singapore (MAS)

นอกจากนี้ CZ ได้เน้นย้ำว่าทาง Binance ไม่ได้โดนข้อหาเรื่อง “การนำเงินของลูกค้าไปใช้ในทางที่ ผิด” เหมือน Exchange อื่นที่เคยล่มไป และ “ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการปั่นราคา”ซึ่งจุดนี้ก็น่าจะคลาย ความกังวลของลูกค้า Binance ได้บ้าง

เหตุการณ์ครั้งนี้ ส่งผลกระทบต่อตลาดคริปโทฯ โดยรวม ราคาบิทคอยน์ร่วงลงมากว่า 4.69%  ส่งผลกระทบโดยตรงต่อเหรียญ BNB ที่เป็นเหรียญของทาง Binance จนราคาร่วงกว่า 10.9% ทันที  คาดว่า มาจากความกลัวของนักลงทุน ที่กังวลผลกระทบที่จะตามมาเป็น Domino แต่จากสถานการณ์ตลาด ตอนนี้ที่เริ่มเข้าสู่ความสงบ และราคาปรับตัวกลับขึ้นมากว่า 3.08% ซึ่งแสดงถึงท่าทีตลาดที่เริ่มคลายกังวล

แต่สิ่งที่คนยังกังวลอยู่นั้นคือ เรื่องของเงินตัวเองที่ฝากไว้บน Exchange จะยังปลอดภัยหรือไม่?  ทำให้มีลูกค้าบางส่วนแห่ถอนสินทรัพย์ออกมามูลค่าราว 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วง 24 ชั่วโมง ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นจำนวนที่ไม่เยอะเลย เพราะเทียบสัดส่วนแล้วคิดเป็นมูลค่าแค่ 1.5% ของทรัพย์สินทั้งหมดที่ อยู่ใน Binance เท่านั้น

ส่วนของความเชื่อมั่นของคนในวงการต่อ CZ นั้นกลับมีมุมมองเชิงบวกมากขึ้น คนบางส่วนได้กล่าว ว่า “เขาคือฮีโร่ที่ยอมถูกลงโทษ เพื่อให้วงการนั้นได้เดินไปต่อ” จากการตรวจสอบทาง Binance นั้นก็มิได้ นำเงินของลูกค้าไปหมุนต่ออย่างผิดกฎหมาย เหตุนี้เองจึงทำให้ Binance ยังคงได้รับความเชื่อมั่นระดับที่สูง เหมือนเดิม

สุดท้ายนี้ คนกลับมองว่า นี่จะเป็นข่าวร้ายสุดท้ายก่อนที่ตลาดคริปโทฯ จะเข้าสู่ขาขึ้นอย่างเต็มตัวทุกคน ยังคงมั่นใจใน Binance ส่วน CZ นั้น ถึงแม้จะไม่มีตำแหน่งในการบริหารแล้ว แต่ก็ยังเป็นผู้ถือหุ้นอยู่นั่นเอง

 

อนาคตของ Binance ต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร?

จากมุมมองนักวิเคราะห์ให้ความเห็นว่า นี่เป็นปัจจัยบวกมากต่อการดำเนินการในระยะยาว เพราะเหตุการณ์ครั้งนี้เปรียบเสมือนการที่ CZ นั้นยอมกลับไปติดกระดุมเม็ดแรกให้ถูกต้องเพื่อไม่ให้เกิด ปัญหาร้ายแรงในอนาคต ถึงแม้จะแลกมาด้วยบทลงโทษที่หนักพอสมควร ซึ่งการเคลื่อนไหวต่อจากนี้ของ Binance จะราบรื่นด้วยดี แต่อาจจะมีอุปสรรคมากขึ้น จากการที่มี Regulator เข้ามามีบทบาทควบคุมมากขึ้น ทำให้อาจจะขยับตัวได้ช้ากว่าแต่ก่อน แต่นั่นก็แลกมากับการที่ได้รับความน่าเชื่อถือมากขึ้นด้วย

ทั้งนี้ Binance Global จะยังดำเนินการต่อไป ส่วน Binance-TH by Gulf-Binance ที่มีแผนจะเปิดตัวในช่วงต้นปี 2024 นั้น คาดว่าจะยังคงดำเนินการตามแผนเดิมไม่มีเปลี่ยนแปลง เพราะเรื่องของเอกสารต่าง ๆ ที่ดำเนินการกับ Regulator ในไทยก็เรียบร้อยดี คาดว่าต้นปี 2024 น่าจะเปิดให้ผู้ใช้งานได้ใช้บริการ

อย่างไรก็ตาม การตอบสนองของคนในตลาดต่อข่าวนั้น แสดงให้เห็นว่าเหตุการณ์นี้ไม่มีความน่ากังวล มากนัก เมื่อเทียบกับวิกฤตการณ์ครั้งก่อน ๆ ซึ่งอดีตก็เคยมีเหตุการณ์คล้ายคลึงกันที่ CEO ของ Bitmex ลาออกจากการถูกฟ้องร้อง แต่สุดท้ายตลาดก็ไม่ได้ร่วงแรงและตลาดโดยรวมยังคงปรับตัวขึ้นเรื่อย ๆ

สรุป !!  ได้ว่า นี่จะเป็นปัจจัยบวกที่จะไม่มีข่าวร้ายแรง ๆ มาสู่ตลาดแล้ว และ Binance ยังคงได้รับความเชื่อมั่นจากคนในวงการเหมือนเดิม แต่ก็ยังน่าติดตามต่อไปว่า Exchange เจ้าอื่น ๆ จะถูกฟ้องเหมือนพี่ใหญ่อย่าง Binance หรือไม่? และผลการตัดสินคดีความของ Coinbase, Kraken และ Tether นั้นจะจบลงอย่างไร โปรดติดตาม ข่าวอย่างใกล้ชิด!!

ทั้งนี้ คริปโตมายด์ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด และ บริษัท เมอร์เคิล แคปปิตอล จำกัด เป็นกลุ่มบริษัทที่ประกอบธุรกิจให้คำปรึกษาด้านบล็อกเชนและการ ลงทุนใน สินทรัพย์ดิจิทัล ประกอบไปด้วย บริษัท เมอร์เคิล แคปปิตอล จำกัด ซึ่งได้รับใบอนุญาตเป็นผู้จัดการเงินทุนสิน ทรัพย์ดิจิทัลจาก สำนักงาน ก.ล.ต. โดยมีกลยุทธ์การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลที่นักลงทุนสามารถลงทุนได้อย่างปลอดภัย

บริษัท คริปโตมายด์ แอดไวเซอรี่ จำกัด บริการที่ปรึกษาสินทรัพย์ดิจิทัลแห่งแรกของไทยอย่างเป็นทางการภายในการ กำกับดูแลของ ก.ล.ต. ซึ่งเปิดบริการให้คำปรึกษา วิเคราะห์การลงทุนด้านสินทรัพย์ดิจิทัล แก่ทั้งกลุ่มบุคคลและนิติบุคคล และการบริหารจัด ก