HoonSmart.com >> “บางกอก แอสเซท อินเตอร์กรุ๊ป” (BKA) ผู้นำบ้านมือสองตกแต่งใหม่ จ่อระดมทุน IPO 60 ล้านหุ้น รับดีมานด์บ้านมือสองฟื้น พร้อมสยายปีก สู่แพลตฟอร์ม “Property Tech” สร้างมิติใหม่ของคนอยากมีบ้าน
นายพชร ธนวงศ์เกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอก แอสเซท อินเตอร์กรุ๊ป (BKA) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจ 3 กลุ่มหลัก ประกอบด้วย ให้บริการปรับปรุงบ้านมือสองเพื่อขาย (ธุรกิจบ้านแต่ง “Flipping”) โดยยินยอมให้บริษัทฯ ปรับปรุงบ้าน ซึ่งบริษัทจ่ายค่าปรับปรุงทั้งหมด เมื่อขายบ้านได้ เจ้าของบ้านจะได้รับเงินเฉพาะส่วนที่เป็นราคาขายบ้านตามสัญญาที่ได้ตกลงไว้กับบริษัทฯ ๆ จะได้รับส่วนต่างที่เหลือ
2. ธุรกิจนายหน้าซื้อ-ขายอสังหาริมทรัพย์ หรือการรับฝากขายบ้านมือสอง สภาพเดิม (ธุรกิจบ้านฝาก) ที่เจ้าของบ้านนำมาฝากขายไว้ โดยมีรายได้จากค่านายหน้าตามที่ตกลงกันเมื่อขายบ้านหลังนั้นได้ และ 3. ธุรกิจซื้อบ้านมือสอง มาปรับปรุงเพื่อขาย (ธุรกิจบ้านตัด) รับซื้อบ้านมือสองเฉพาะเมื่อสามารถซื้อได้ในราคาที่ดีเท่านั้น เพื่อให้มีอัตรากำไรที่ดี”
วางกลยุทธ์สู่การขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจ ได้แก่ 1. กลยุทธ์การสร้างตราสินค้า มุ่งเน้นเป็นศูนย์รวมบ้านมือสองตกแต่งใหม่ พร้อมอยู่ 2. กลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์และบริการที่ดี 3. กลยุทธ์ความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ในด้านทำเลที่ตั้งและระดับราคา ให้ลูกค้ามีตัวเลือกจำนวนมากตามความต้องการที่หลากหลาย
4. กลยุทธ์การรับประกันบ้านมือสองตกแต่งใหม่ ตามเงื่อนไขรายการรับประกันที่บริษัทฯ กำหนด สูงสุดถึง 6 เดือน และ 5. กลยุทธ์การสื่อสารทางการตลาดผ่านสื่อออนไลน์ เพื่อสร้างการรับรู้และการเข้าถึงของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว และพัฒนาไปสู่การเป็นลูกค้าตัวจริงให้มากที่สุด
บริษัทฯ เชื่อว่า ตลาดบ้านมือสอง มีแนวโน้มการเติบโต ยั่งยืน โดยเล็งเห็นถึงข้อได้เปรียบของบ้านมือสองในทำเลเดียวกันกับบ้านโครงการใหม่ ที่มีราคาถูกกว่า และพื้นที่ใช้สอยที่มากกว่า เนื่องจากการปรับตัวสูงขึ้นมาโดยตลอดของราคาที่ดินในทำเลที่มีศักยภาพ การเพิ่มขึ้นของราคาวัสดุก่อสร้างและค่าแรง ทำให้ราคาบ้านโครงการใหม่ปรับตัวสูงขึ้นมาก และมีช่องว่างของราคา (Gap Price) ที่กว้างขึ้น
“ตลาดบ้านมือสองเริ่มฟื้นตัว โดยเห็นได้จากกำลังซื้อผู้บริโภค เริ่มกลับมาคึกคัก เมื่อเทียบกับปี 2566 สอดรับศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ที่ระบุว่าตัวเลขตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบใน 9 เดือนแรกของปี 2567 พบการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของพฤติกรรมผู้บริโภค โดยบ้านมือสอง ได้รับความนิยมสูงถึง 71% ของจำนวนการโอนกรรมสิทธิ์ทั้งหมด คิดเป็นมูลค่า 52% ของมูลค่าการโอนรวม ซึ่งเป็นผลจากราคาที่ดินและต้นทุนค่าก่อสร้าง ที่ปรับเพิ่มขึ้น ขณะที่บ้านมือสองมีราคาต่ำกว่าบ้านสร้างใหม่ ภายใต้ขนาดและทำเลเดียวกัน โดยราคาเฉลี่ยของการโอนกรรมสิทธิ์บ้านสร้างใหม่อยู่ที่ 4.87 ล้านบาท”
ขณะที่ราคาบ้านมือสอง เฉลี่ยของการโอนกรรมสิทธิ์ อยู่ที่ 2.16 ล้านบาท ซึ่งการเติบโตของตลาดบ้านมือสอง สะท้อนให้เห็นถึงการปรับตัวของผู้บริโภค ที่ต้องการที่อยู่อาศัยในราคาที่จับต้องได้
นางนิสาภรณ์ ฤกษ์อร่าม กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอดไวเซอรี่ พลัส จำกัด ที่ปรึกษาทางการเงิน เปิดเผยว่า BKA ได้รับอนุญาตให้เสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ ต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จากสำนักงาน ก.ล.ต. แล้ว อยู่ระหว่างเตรียมการเสนอขาย ไอพีโอ 60 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาท หรือ 28.57% ของหุ้นทั้งหมดหลัง IPO และเข้าจดทะเบียนในตลาด หลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai)
ปัจจุบัน BKA มีทุนจดทะเบียน 105 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 210 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท ทุนชำระแล้ว 75 ล้านบาท หรือ 150 ล้านบาท
วัตถุประสงค์ระดมทุน ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ขยายการเติบโตของบริษัทฯ ขยายพอร์ตการให้บริการบ้านแต่ง (Flipping) เพิ่มขึ้นเป็นหลัก รวมถึงนำไปพัฒนาธุรกิจ Property Technology (Prop Tech) โดยสร้าง Platform ตัวกลางในการซื้อขายอสังหาฯ เพื่อให้บริษัทฯ สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายทั้งผู้ต้องการซื้อและขายบ้านได้หลากหลายและมีจำนวนเพิ่มขึ้น นำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการค้นหาข้อมูลให้แก่ผู้ที่ต้องการซื้อบ้าน และเทคโนโลยีระบบเสมือนจริง (Virtual Reality) มาใช้ในการแนะนำบ้านให้กับผู้ที่ต้องการซื้อบ้านได้เห็นภาพบ้านเสมือนจริงทางออนไลน์ นอกจากนี้ยังมีแผนชำระคืนเงินกู้ยืมจากบุคคลอื่นทั้งจำนวน