HoonSmart.com>>โรงพยาบาลนครธน” (NKT) เข้าเทรดวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เดินหน้า 3 โครงการหลักตามแผน ทั้งการก่อสร้างโครงการโรงพยาบาลนครธน 2 เพื่อบริการแก่ผู้ประกันตนตามสิทธิประกันสังคม โครงการนครธน ลองไลฟ์ เซ็นเตอร์ เพื่อเป็นศูนย์ดูแลผู้สูงอายุและผู้มีภาวะพึ่งพิงแบบองค์รวม และโครงการขยายจำนวนเตียงอีก 110 เตียง รวมเป็น 260 เตียง รองรับให้บริการและเพิ่มศักยภาพการเติบโตแก่บริษัทฯ
รองศาสตราจารย์ ญาณเดช ทองสิมา ประธานกรรมการบริษัท บริษัท โรงพยาบาลนครธน (NKT) เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่บริษัทฯ ได้เข้าจดทะเบียนและซื้อขายหลักทรัพย์วันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันนี้ (20 ธันวาคม 2567) บริษัทฯ จะมุ่งขยายการลงทุนตามแผนงานที่วางไว้รวมถึงดำเนินงานตามแผนกลยุทธ์ของบริษัทฯ เพื่อจะก้าวไปสู่การเป็น “หนึ่งในโรงพยาบาลชั้นนำระดับประเทศ” โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้างและขยายการลงทุน 3 โครงการหลัก เพื่อเพิ่มศักยภาพการเติบโตจากการขยายฐานผู้เข้ารับบริการในโรงพยาบาลนครธนและการก่อสร้างโรงพยาบาลแห่งใหม่ ได้แก่ 1) โครงการโรงพยาบาลนครธน 2 บนถนนเอกชัย จำนวน 151 เตียง คาดว่าจะมีค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนที่เกี่ยวข้องประมาณ 900 ล้านบาท และจะเปิดให้บริการแก่ผู้รับบริการทั่วไปที่ชำระเงินเองในระยะเริ่มแรก และเริ่มรับรู้รายได้ประมาณปลายปี 2568 หลังจากนั้นจะยื่นขออนุญาตเป็นโรงพยาบาลประกันสังคมในช่วงต้นปี 2569 และคาดว่าจะเปิดให้บริการรักษาพยาบาลแก่ผู้ประกันตนตามสิทธิประกันสังคมได้ประมาณปี 2570 2) โครงการนครธน ลองไลฟ์ เซ็นเตอร์ ซึ่งจะตั้งอยู่ใกล้กับโรงพยาบาลนครธน เพื่อจะเป็นศูนย์ดูแลผู้สูงอายุและผู้มีภาวะพึ่งพิงแบบองค์รวม คาดว่าจะมีค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนที่เกี่ยวข้องประมาณ 557 ล้านบาท และคาดว่าจะเปิดดำเนินการประมาณปี 2569 และ 3) โครงการขยายจำนวนเตียงให้บริการของโรงพยาบาลนครธนอีก 110 เตียง จากปัจจุบัน 150 เตียง รวมเป็น 260 เตียง คาดว่าจะมีค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนที่เกี่ยวข้องประมาณ 414 ล้านบาท และคาดว่าจะทยอยเปิดให้บริการปี 2568-2570 ซึ่งทั้ง 3 โครงการมีความคืบหน้าตามแผนงานที่วางไว้
ขณะที่โรงพยาบาลนครธน บนถนนพระรามที่ 2 ที่สร้างรายได้หลักแก่บริษัทฯ มีศักยภาพที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยจุดเด่นด้านทำเลที่ตั้งของโรงพยาบาลที่มีศักยภาพจะเป็น “เขตเมืองแห่งใหม่” (New Urbanized District) ของกรุงเทพฯ ได้ในอนาคต เนื่องจากเป็นหนึ่งในเขตพื้นที่อยู่อาศัยชั้นดีและมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน รวมถึงพระรามที่ 2 เป็นถนนสายหลักที่มุ่งสู่ฝั่งตะวันตกของกรุงเทพฯ และใช้เดินทางสู่ภาคใต้ของประเทศไทย อีกทั้งสามารถเชื่อมต่อสู่ย่านศูนย์กลางธุรกิจของกรุงเทพฯ ด้วยทางด่วน และมีการพัฒนาโครงข่ายคมนาคมของภาครัฐอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ โรงเรียน ห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์ ตลาดนัด และซุปเปอร์มาร์เก็ต จำนวนมาก นอกจากนี้ โรงพยาบาลนครธนตั้งอยู่ใกล้กับสถานที่ราชการสำคัญ เช่น สำนักงานเขตบางขุนเทียน และสำนักงานที่ดินกรุงเทพมหานคร สาขาบางขุนเทียน เป็นต้น
ดร.วิศาล สายเพ็ชร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงพยาบาลนครธน กล่าวว่า ปัจจุบันโรงพยาบาลนครธน เป็นหนี่งในโรงพยาบาลชั้นนำของพื้นที่กรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตก ที่มีความสามารถรักษาโรคที่มีความซับซ้อน (โรงพยาบาลระดับตติยภูมิ) ซึ่งโรงพยาบาลระดับตติยภูมิส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก โดยโรงพยาบาลนครธนมีศูนย์การแพทย์เฉพาะทาง 20 ศูนย์ อาทิ ศูนย์สมองและระบบประสาท ศูนย์หัวใจ ศูนย์ทางเดินอาหารและตับ ศูนย์กระดูกสันหลัง ศูนย์มะเร็ง ศูนย์ทันตกรรม เป็นต้น และมีแผนกการรักษาผู้ป่วย 1 แผนก ได้แก่ แผนกไตเทียม โดยบริษัทฯ ได้วางกลยุทธ์การเติบโต ประกอบด้วย
1) มุ่งมั่นก้าวไปสู่การเป็นหนึ่งในโรงพยาบาลชั้นนำในระดับประเทศ 2) พัฒนาคุณภาพการให้บริการด้วยบุคลากรและทีมแพทย์ผู้ชำนาญการ 3) นำเทคโนโลยีมาใช้บริหารจัดการองค์กร 4) ขยายขอบเขตการให้บริการภายใต้ความร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำ 5) ต่อยอดความแข็งแกร่งของ Brand Image และพัฒนาความไว้วางใจจากผู้ใช้บริการ 6) ขยายธุรกิจผ่านเครือข่ายของโรงพยาบาลและธุรกิจด้านสุขภาพอื่นๆ และ 7) ขยายการให้บริการแก่กลุ่มผู้รับบริการชาวต่างชาติ โดยได้แต่งตั้งตัวแทนด้านการตลาดในเมียนมา เพื่อเป็นศูนย์กลางติดต่อสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายและผู้ที่สนใจเข้ารับบริการทางการแพทย์ สามารถเดินทางมาประเทศไทยเพื่อรับบริการที่โรงพยาบาลนครธนได้สะดวกยิ่งขึ้น รวมถึงขยายการทำการตลาดไปยังประเทศกัมพูชาและบังกลาเทศอีกด้วย
นายยศวีร์ สุทธิกุลพานิช ผู้บริหารสายงาน Investment Banking and Capital Market ธนาคารไทยพาณิชย์ ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินร่วมและตัวแทนบริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการ การจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม กล่าวว่า บมจ.โรงพยาบาลนครธน มีศักยภาพการเติบโตที่ดี เนื่องจากมีจุดเด่นที่หลากหลาย อาทิ สามารถให้บริการรักษาโรคที่มีความซับซ้อนและโรคทั่วไป ทำเลที่ตั้งในบริเวณพระราม 2 ที่มีศักยภาพเป็นเมืองแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ ในอนาคต มีความร่วมมือกันพันธมิตรชั้นนำจัดตั้งศูนย์การแพทย์เพื่อเพิ่มศักยภาพการให้บริการ และมีฐานลูกค้าจำนวนมาก ฯลฯ ประกอบกับการเสนอขายหุ้น IPO ที่ผ่านมาประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี และการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งด้านฐานะการเงินเพื่อรองรับการขยายธุรกิจต่อไป
นายคงสิทธิ์ หันจางสิทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ 1 บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินร่วมและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม กล่าวว่า การเสนอขายหุ้น IPO ของ บมจ.โรงพยาบาลนครธน ในช่วงที่ผ่านมาที่ราคาเสนอขายสุดท้ายที่ 7.80 บาท คิดเป็นมูลค่าการระดมทุนทั้งสิ้น 1,053 ล้านบาท ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน เนื่องจากจุดเด่นของโรงพยาบาลนครธน ที่เป็นหนึ่งในโรงพยาบาลชั้นนำของพื้นที่กรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตก
โดยโรงพยาบาลฯ มีแผนขยายฐานผู้เข้ารับบริการชาวต่างชาติ และมีแผนขยายการทำการตลาดแก่ลูกค้าต่างชาติ รวมถึงอยู่ระหว่างลงทุนเพิ่มจำนวนเตียงให้บริการในโรงพยาบาลนครธน และก่อสร้างโครงการใหม่ ขณะที่ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ปี 2564 – 2566 มีรายได้รวมเพิ่มขึ้นจาก 1,551.67 ล้านบาท เป็น 2,036.89 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ย (CAGR) 14.57% ต่อปี และมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจาก 183.24 ล้านบาท เป็น 282.29 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ย (CAGR) 24.12% ต่อปี จากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการประกอบกิจการโรงพยาบาล ซึ่งเป็นสัดส่วนรายได้หลัก รวมถึงการบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ขณะที่ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปี 2567 มีรายได้รวม 1,521.34 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 190.38 ล้านบาท