TLI เปิดกำไร Q3 ลด 5.43% ผลพอร์ตลงทุนหดตามตลาดทุน

HoonSmart.com>>ไทยประกันชีวิต(TLI)  โชว์กำไรไตรมาส 3 รวม 2,088 ล้านบาท ลดลง 5.43%  จากมูลค่าการลงทุนลดตามการปรับตัวลงของตลาดทุน ด้านกำไรจากการรับประกันภัย 9 เดือนโต 5.8%

นายไชย ไชยวรรณ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยประกันชีวิต หรือ TLI เปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2566 มีกำไรสุทธิ 2,088 ล้านบาท ลดลง 5.43% ส่งผลให้มีกำไรใช่วง 9 เดือนแรกของปี 7,729 ล้านบาท ลดลง 3.63% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน

สำหรับ อัตรากำไรสุทธิโดยรวมที่ลดลงเป็นผลจากกำไรจากการลงทุนที่ลดลง สืบเนื่องจากการขายเงินลงทุนและการเปลี่ยนแปลงของมูลค่ายุติธรรม ซึ่งเป็นไปตามผลตอบแทนของตลาดและมุมมองในการเคลื่อนไหวของตลาดทุนในปี 2565

ทั้งนี้ 9 เดือนแรก บริษัทมีมูลค่ากำไรของธุรกิจใหม่ (Value of New Business : VONB) อยู่ที่ 5,366 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 4.2% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยอัตรากำไรของธุรกิจใหม่ (VONB Margin) เพิ่มขึ้น 9 จุด โดยมีอัตราถึง 62.4%  ซึ่งเป็นผลจากการดำเนินกลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพ

ด้านเบี้ยประกันภัยรับ บริษัทฯ มีเบี้ยประกันภัยรับปีแรกแบบคำนวณรายปี (Annual Premium Equivalent : APE) จำนวน 8,599 ล้านบาท และมีเบี้ยประกันภัยรับรวมสูงถึง 63,589 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตของกำไรจากการรับประกันภัยที่เพิ่มขึ้น 5.8% อยู่ที่ 5,718 ล้านบาท

มูลค่ากำไรของธุรกิจใหม่เติบโตทุกช่องทางการขาย โดยช่องทางตัวแทนฯ สามารถพัฒนาประสิทธิภาพการขาย และมุ่งเน้นการขายผลิตภัณฑ์ที่ให้ผลกำไรอย่างยั่งยืน สะท้อนให้เห็นได้จากอัตรากำไรของธุรกิจใหม่ที่สูงขึ้น

ช่องทางพันธมิตร มูลค่ากำไรของธุรกิจใหม่ยังคงเติบโต ซึ่งเป็นผลมาจากการดำเนินกลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์ที่บริษัทฯ ร่วมมือกับพันธมิตรธนาคาร ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ให้ผลกำไรสูงขึ้นร่วมกับการเสนอขายผลิตภัณฑ์อื่น

ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2566 บริษัทฯ มีกำไรจากการรับประกันภัยเติบโตถึง 5.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ด้านของการลงทุนนั้น บริษัทฯ ได้มีการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนอย่างระมัดระวังเพื่อให้เกิดผลตอบแทนที่ยั่งยืนแก่ผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 30 ก.ย. 2566 สินทรัพย์ลงทุนมากกว่า 80% ของสินทรัพย์ลงทุนทั้งหมดอยู่ในรูปแบบหนี้สินที่มีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับกลุ่มน่าลงทุน

สำหรับอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุน หรือ CAR Ratio ของบริษัทฯ ณ สิ้นเดือนก.ย.2566 อยู่ที่ 372.5% ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กำหนดไว้อยู่ที่ 140% ซึ่งบริษัทฯ ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งกับสถานะเงินทุนที่แข็งแกร่ง อันเป็นรากฐานของการเติบโตอย่างยั่งยืน

นายไชย กล่าวว่า บริษัทให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ผ่านการส่งมอบคุณค่าให้กับผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน ทั้งลูกค้า ผู้ถือหุ้น พนักงาน คู่ค้า องค์กรที่กำกับดูแล และสังคม โดยนำหลักการ ESG ผนวกเข้ากับกลยุทธ์ทางธุรกิจในทุกมิติ ได้แก่ มิติสิ่งแวดล้อม (Environment) มิติทางเศรษฐกิจ (Economic) มิติทางสังคม (Social) และมิติธรรมมาภิบาล (Governance) ส่งผลให้บริษัทได้รับรางวัล Insurance Asia Awards 2023 สาขา Sustainable Insurance Initiative of the Year – Thailand จากวิสัยทัศน์การดำเนินงานด้านความยั่งยืนพร้อมทั้งยังเป็นธุรกิจที่แบ่งปันประโยชน์กลับคืนสู่สังคม

นอกจากนี้ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ไทยประกันชีวิตยังได้รับการประเมินการกำกับดูแลกิจการ (CGR) ประจำปี 2566 ระดับ 5 ดาว หรือ “ดีเลิศ” จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) โดยการสนับสนุนจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

รวมทั้งยังเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมต่อเนื่อง เพิ่มบริการทำธุรกรรมออนไลน์เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าสามารถชำระเบี้ยประกันภัยผ่านหลากหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นการชำระผ่านแอปพลิเคชัน ไทยประกันชีวิต และเว็บไซต์ไทยประกันชีวิต iService รวมถึงการสแกนคิวอาร์โค้ด / บาร์โค้ด ในใบแจ้งเตือนการชำระเบี้ยประกันภัย หรือบัตรประจำตัวผู้เอาประกันภัย เพื่อชำระเบี้ยฯ ผ่าน Mobile Banking และจุดรับชำระเงินที่ครอบคลุมทั่วประเทศ อาทิ เซเว่นอีเลฟเว่น / เคาน์เตอร์เซอร์วิส / ไปรษณีย์ไทย และจุดชำระเงิน Mpay Station

ด้านการสร้างความมั่นใจในการชำระเงิน และป้องกันปัญหาเอกสารการชำระเบี้ยฯ สูญหาย ลูกค้าที่ชำระเบี้ยประกันภัยปีต่อ สามารถสมัครใช้บริการรับหลักฐานการชำระเบี้ยประกันภัยออนไลน์ หรือ e-Receipt ได้ง่าย ๆ ผ่านช่องทางแอปพลิเคชัน  หรือเว็บไซต์ไทยประกันชีวิต iService