BDMS รายได้นิวไฮ ค่ารักษา-ต่างชาติเพิ่ม

HoonSmart.com>> กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS)เปิดรายได้ Q3 รวม 26,699 ล้านบาท สูงเป็นประวัติการณ์โดยเติบโต 11% ทำกำไรสุทธิ เพิ่มขึ้น 15% ผลจากค่ารักษา-ต่างชาติ เพิ่ม สวนทางราคาหุ้นปิดติดลบ 5.61% มูลค่าการซื้อขายสูงสุดอันดับ 1 จับตาผลประชุมนักวิเคราะห์ 17 พ.ย.นี้

บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) รายงานผลการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทย่อยในไตรมาส 3 ปี 2566 ว่ามีรายได้จากการดำเนินงานรวม 26,699 ล้านบาท สูงเป็นประวัติการณ์โดยเติบโต 11% จากไตรมาส 3 ปี 2565 มีสาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่ารักษาพยาบาล 12% โดยมีการเติบโตที่ดีจากรายได้ผู้ป่วยชาวต่างชาติ 19% และรายได้จากผู้ป่วยชาวไทย 9% จากไตรมาส 3 ปี 2565 โดยหลักมาจากการกลับมารักษาพยาบาล และการเพิ่มขึ้นของโรคระบาดตามฤดูกาลเช่น โรคทางเดินหายใจในเด็กเล็ก (RSV) ไข้หวัดใหญ่ และไข้เลือดออก เป็นต้น

ทั้งนี้หากไม่รวมรายได้ที่เกี่ยวกับ COVID-19 ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 9% ของรายได้ค่ารักษาพยาบาลในไตรมาส 3 ปี 2565 รายได้ผู้ป่วยชาวไทยที่ไม่เกี่ยวกับ COVID-19 (Thai-Non COVID) จะเติบโตสูงถึง 23% จากไตรมาส 3 ปี 2565

บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักค่าใช้จ่ายทางการเงิน ภาษีเงินได้ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (“EBITDA”)จำนวน 6,594 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% และมีกำไรสุทธิ 3,890 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จากไตรมาส 3/2565 จากการกลับมารักษาพยาบาลของผู้ป่วยไทยและ
ต่างชาติ ประกอบกับการบริหารเงินที่ดีส่งผลให้รายได้ทางการเงินเพิ่มขึ้นและดอกเบี้ยจ่ายลดลง

ส่วน งวด 9 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2566 รายได้จากการดำเนินงานรวมมีจำนวน 75,385 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% จาก 9 เดือนแรกของปี 2565 มีสาเหตุหลักมาจากการเติบโตของศูนย์การแพทย์แห่งความเป็นเลิศ (Center of Excellence – COE) ประกอบกับการเติบโตของรายได้ผู้ป่วยชาวต่างชาติ26% และรายได้ผู้ป่วยชาวไทย 3% จาก 9 เดือนแรกของปี 2565 บริษัทและบริษัทย่อยมี EBITDA จำนวน 18,092 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 5% และมีกำไรสุทธิจำนวน 10,424 ล้านบาท เพิ่มขึ้น10% จาก 9 เดือนแรกของปี 2565

ด้าน งบแสดงฐานะการเงินรวมของบริษัทและบริษัทย่อย ณ วันที่ 30 ก.ย. 2566 บริษัทและบริษัทย่อยมีสินทรัพย์รวม 139,893 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย 1% จาก ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2565

บริษัทมีค่าความนิยม จำนวน 17,539 ล้านบาท ไม่เปลี่ยนแปลงจาก ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2565 โดยค่าความนิยมส่วนใหญ่เกิดจากการรวมกิจการ ทั้งนี้บริษัทได้มีการทดสอบการด้อยค่าของค่าความนิยมทุกปี หรือเมื่อใดก็ตามที่มีข้อบ่งชี้ของการด้อยค่าเกิดขึ้น อย่างไรก็ตามบริษัทได้พิจารณาแล้วว่าค่าความนิยม
ดังกล่าวไม่เกิดการด้อยค่า

อย่างไรก็ตาม รายได้และกำไรที่เพิ่มขึ้นของ BDMS สวนทางกับราคาหุ้นวันนี้(13 พ.ย.2566) ที่มีแรงขายออกมาจำนวนมาก ทำให้ราคาหุ้นปิดในแดนลบที่ 25.25 บาท ลดลง 1.50 บาท หรือลดลง 5.61% มูลค่าการซื้อขายสูงสุดอันดับ 1 ของตลาด รวม 3,223.54 ล้านบาท โดยในวันที่ 17 พ.ย. 2566 นี้จะมีการประชุมนักวิเคราะห์ ที่บีดีเอ็มเอส คอนเน็ค เซ็นเตอร์ (BDMS Movenpick Wellness Resort)