“เจมาร์ทกรุ๊ป”เทิร์นอะราวด์ พลิกขาดทุนมีกำไร 293 ล้านบ.

HoonSmart.com>>เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (JMART) เทิร์นอะราวด์ กำไรไตรมาส 3 ที่ 293 ล้านบาท ยันปีนี้ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว ลั่นปี 67 ทำสถิติสูงสุดใหม่ สวนทางความรู้สึกนักลงทุนผิดหวังกำไร ขายหุ้นยกกลุ่ม ทำราคาดิ่งลึก  JMT-JMART ร่วง 17% มาร์เก็ตแคปของกลุ่ม 5 บริษัท ทรุดลงหนักวันเดียวถึง 14,682 ล้านบาท ด้านนักวิเคราะห์เตรียมปรับประมาณการกำไรของ JMT 

บริษัท เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (JMART) เปิดเผยผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2566 พลิกฟื้นทำกำไรตามนัด อยู่ที่ 293 ล้านบาท หลังจากไตรมาส 2 ขาดทุน 611 ล้านบาท รวม 9 เดือนแรกของปีนี้มี ขาดทุน 613 ล้านบาท ซึ่งมีสาเหตุสำคัญจากผลขาดทุนในบริษัทร่วม บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย (SINGER) และ บริษัท เอสจี แคปปิตอล (SGC) ที่ได้รับผลกระทบจากการตั้งสำรองลูกหนี้ รวมทั้งความพยายามในการปรับกลยุทธ์ให้ดีที่สุด  คาดทิศทางเป็นบวกต่อเนื่องในไตรมาส 4 นิวไฮของปี และยืนยันเป้าปี 2567 JMART จะกลับมาทำ All Time High ได้อีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนผิดหวังกับกำไรที่ออกมาต่ำกว่าคาด และนักวิเคราะห์เตรียมปรับประมาณการกำไรของ JMT หลังจากกำไรสุทธิไตรมาสที่ 3 ทำได้จำนวน  466 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณ 15% จากไตรมาสที่ 2 ที่ 551 ล้านบาท ทำให้เกิดแรงเทขายหุ้นในกลุ่ม JMART ออกมายก กลุ่ม โดยหุ้น JMT ถูกแรงเทขายหนัก จนมีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดของวันสูงถึง 3,127  ล้านบาท และราคาปิดที่ 27 บาท ลดลง 17.56% แย่กว่าภาพตลาดโดยรวม เช่นเดียวกับ  JMART ติดลบ 17.74% ปิดที่ 15.30 บาท ขณะที่หุ้น SINGER ปิดที่ 9.90 บาท ติดลบ 10.81% หุ้น SGC ปิดที่ 1.29 บาท ติดลบ 8.51% หุ้น J ปิดที่ 2.68 บาท ติดลบ 2.90%  ส่งผลกระทบทำให้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด(มาร์เก็ตแคป) ของกลุ่ม หายไปวันเดียวมากถึง 14,682  ล้านบาท

“เราใช้เวลาพิสูจน์มาแล้วตั้งแต่เริ่มไตรมาส 3/2566 ผลประกอบการของ SINGER และ SGC ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว และเชื่อว่า จะกลับขึ้นมาสร้างผลประกอบการที่ดีขึ้นจากนี้ไป กำไรกลับมาเป็นบวก แม้ในไตรมาสนี้ยังบวกไม่มาก แต่ส่งสัญญาณว่าเราจัดการภายในและเปลี่ยนโครงสร้างธุรกิจให้ชัดเจนขึ้น ปัญหาก็ได้แก้ไขไปหมดแล้ว โดยมี Key Driver คือ JMT และเชื่อว่าจะดีต่อเนื่องในไตรมาส 4 และปี 2567 รวมทั้งผลบวกที่ค่อนข้างชัดเจนจาก บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท (J) มีกำไรที่โดดเด่น และการลงทุนที่คุ้มค่าจากสุกี้ตี๋น้อย (TEENOI) ที่สามารถสร้างผลกำไรให้ JMART มากขึ้นทุกเดือน”นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (JMART) กล่าว

นายอดิศักดิ์ กล่าวว่า ภาพรวมยังเชื่อว่าในไตรมาสที่ 4   นี้ ทั้ง JMT – J – SINGER – SGC – TEENOI – JAYMART MOBILE ยังส่งผลกำไรในเชิงบวก ดีกว่าไตรมาส 3 ปี 2566 โดยโครงสร้างของกลุ่ม เน้นเรื่องคอมเมิร์ซ และไฟแนนซ์ เชื่อว่าทั้งสองธุรกิจจะโตได้ต้องมีเทคโนโลยี  จะไปสู่คอมเมิร์ซเทคฯ และฟินเทคฯ อยากให้ติดตาม ทั้งในการทำ CRM ผูกกับลูกค้า หรือใช้เทคโนโลยีผูกกับ J POINT

ปัจจุบัน มีพาร์ทเนอร์จำนวนมาก และกำลังเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง โดยได้ทาง J Ventures มาสร้างพื้นฐาน  มีพอยท์ในรูปแบบดิจิทัล ทำให้สนุกกับการบริการลูกค้า เพิ่มทางเลือกและเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้ลูกค้า เชื่อว่า สิ่งที่ทำมาหลายปีในเรื่อง JPOINT และ J Wallet ทำให้มี Marketing tools ที่แข็งแกร่งในอนาคต และสนับสนุนให้กลุ่มบริษัทเจมาร์ทมีผลกำไรในเชิงบวก และน่าจะทำ New High ได้ในปี 2567 ภายใต้ SINGER,SGC ที่เป็นบวก และสร้างฐานการเดินไปข้างหน้าอย่างแข็งแรง ปัจจุบันบริษัทมีความแข็งแกร่งทางการเงิน มี IBD/E เพียง 0.72 เท่า

นายสุทธิรักษ์ ตรัยชิรอาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส (JMT) รายงานผลงานไตรมาส 3/2566 มีกำไรสุทธิ 466.3 ล้านบาท เติบโต 2.4% มีรายได้รวม 1,307.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.8%

ขณะที่งวด 9 เดือนปีนี้มีกำไรสุทธิ 1,470.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.1% มาจากรายได้ 3,707.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.5% จากการทำสัญญากับลูกค้า รายได้ดอกเบี้ย-กำไรจากเงินให้สินเชื่อ รายได้รายรับประกันภัยที่เพิ่มขึ้น ซึ่งบริษัทฯ มียอดจัดเก็บกระแสเงินสดในไตรมาส 3  เท่ากับ 1,330 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย และงวด 9 เดือน ทำได้จำนวน 4,260 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.1%  และลงทุนในหนี้ด้อยคุณภาพรวมทั้งปีนี้แล้ว 6,302 ล้านบาท และมีหนี้ด้อยคุณภาพสะสมกว่า 1 แสนล้านบาท และมั่นใจโค้งสุดท้ายของปีไฮซีซั่นของการซื้อหนี้เข้ามาบริหาร

ปัจจุบัน อยู่ระหว่างประมูลซื้อหนี้ด้อยคุณภาพกับสถาบันการเงิน โดยเป็นอีกปีที่ JMT ซื้อหนี้เข้ามามากที่สุด ทำ All Time High ส่งผลบวกในปีนี้ และปี 2567 อย่างไรก็ดี ยอดการจัดเก็บ (Cash Collection) ลดลง จากสภาวะเศรษฐกิจในไตรมาส 3  และเริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้นแล้วในเดือนก.ย. โดยตั้งเป้ากลับคืนฟอร์มในไตรมาส  4

นายนราธิป วิรุฬห์ชาตะพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย (SINGER) เปิดเผย ภาพรวมผลประกอบการไตรมาส 3/2566 กำไรสุทธิ 13 ล้านบาท พลิกจากขาดทุนสุทธิในไตรมาส 2 ที่ -2,396 ล้านบาท ขณะที่มีรายได้รวม 675 ล้านบาท ย้ำความมั่นใจไม่มีค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ และผ่านจุดต่ำสุดในไตรมาส 2   พร้อมเดินหน้าสร้างฐานการเติบโตครั้งใหม่ และสามารถลดค่าใช้จ่ายในการบริหารได้ 40% ดีกว่าคาด

นายอโณทัย ศรีเตียเพ็ชร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสจี แคปปิตอล (SGC) ในกลุ่ม SINGER เปิดเผยว่า ในไตรมาส 3/2566 ทำกำไรที่ 8.23 ล้านบาท จากรายได้รวม 493.59 ล้านบาท พลิกฟื้นจากผลขาดทุนสุทธิในไตรมาส 2 ที่ -1,919 ล้านบาท โดยบริษัทได้มุ่งเน้นการบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์อย่างต่อเนื่องและพิจารณาสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นอย่างระมัดระวัง เพื่อรองรับคุณภาพของสินเชื่อภายใต้สภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงฟื้นตัวเฉพาะส่วน เพื่อสร้างฐานการเติบโตอย่างมีคุณภาพ

บริษัทพิจารณาการปล่อยสินเชื่ออย่างรัดกุม โดย ณ สิ้นงวดไตรมาส 3 ปี 2566 ปล่อยสินเชื่อใหม่ 1,376 ล้านบาท โดยยังคงโฟกัสสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ (C4C) ทำให้พอร์ตสินเชื่อรวมอยู่ที่ 13,831 ล้านบาท ด้าน NPL ยังอยู่ในระดับสูง หากมาดูพอร์ตสินเชื่อใหม่ทำได้ดีมี NPL อยู่ที่ 3-5% จากการควบคุมคุณภาพสินเชื่ออย่างต่อเนื่อง จึงมั่นใจในการสร้างฐานการเติบโตครั้งใหม่ มุ่งสู่ปี 2567 กลับมาคืนฟอร์ม

นายสุพจน์ สิริกุลภัสสร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท (J) กล่าวว่า ไตรมาส 3/2566 มีผลกำไรสุทธิ 129.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 617.2% และ งวด 9 เดือน มีกำไรสุทธิ 134.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 74.7% เนื่องจากบริษัทฯ มีกำไรจากการปรับมูลค่ายุติธรรมของอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนและรายได้ค่าเช่าเพิ่มขึ้นจากการเปิดศูนย์การค้าแห่งใหม่ JAS Green Village บางบัวทอง ในช่วงไตรมาส 3 ปี 2566

ขณะที่รายได้รวมมีการเติบโตที่ดี  จากรายได้ค่าเช่าที่เพิ่มขึ้นจากโครงการ JAS Green Village คู้บอน และ JAS Urban ศรีนครินทร์ เป็นหลัก รวมถึงรายได้ค่าสาธารณูปโภคที่เพิ่มขึ้นจากการใช้ไฟฟ้าและการปรับเพิ่มค่าไฟฟ้าให้สอดคล้องกับต้นทุนค่าไฟฟ้า นอกจากนี้ ยังมีการเพิ่มขึ้นของรายได้ในโครงการ Senera Senior Wellness จากการส่งมอบพื้นที่ให้ Senera ViMUT Health Service ซึ่งจะเข้ามาเสริมทัพ หนุนผลงานโตไม่หยุด