HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทั้ง 3 ดัชนีหลักปิดลบ ดาวโจนส์ลดลง 154 จุด แรงขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี นักลงทุนรอข้อมูลเงินเฟ้อปลายสัปดาห์นี้ มีผลต่อการตัดสินใจอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปของเฟด ด้าน “ราคาน้ำมันดิบ” ปรับตัวเพิ่มขึ้น ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดลบ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 10 ธันวาคม 2567 ปิดที่ 44,247.83 จุด ลดลง 154.10 จุด หรือ -0.35% จากการปรับตัวลงของกลุ่มเทคโนโลยีซึ่งหักกลบการปรับขึ้นของกลุ่มบริการด้านการสื่อสาร ขณะที่นักลงทุนรอข้อมูลเงินเฟ้อในปลายสัปดาห์นี้ ที่อาจจะมีผลต่อการตัดสินใจอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)
ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 6,034.91 จุด ลดลง 17.94 จุด, -0.30%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,687.24 จุด ลดลง 49.45 จุด, -0.25%
กลุ่มบริการด้านการสื่อสารเพิ่มขึ้น 2.6% และปรับขึ้นเป็นเปอร์เซ็นต์มากที่สุดในกลุ่ม S&P 500 จากการเพิ่มขึ้น 5.6% ในหุ้น Alphabet ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Google หลังจากเปิดตัวชิปตัวใหม่ ส่งผลให้ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันราคาหุ้นปรับขึ้นกว่า 32%
หุ้น Oracle บริษัทซอฟต์แวร์ร่วงลง 6.7% หลังจากที่รายงานผลประกอบการไตรมาสสองตามปีบัญชีต่ำกว่าการคาดการณ์ของตลาด
แรงกดดันต่อกลุ่มเทคโนโลยีที่ทำให้ดัชนีเซมิคอนดักเตอร์ของฟิลาเดลเฟียลดลง 2.5%มาจากจีนหลังประกาศเมื่อวันจันทร์เริ่มการสอบสวน Nvidia เกี่ยวกับการละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาด ซึ่งถูกมองว่าเป็นการตอบโต้สหรัฐฯที่ห้ามการส่งออกเซมิคอนดักเตอร์ไปยังบริษัทชิปของจีน
นักลงทุนรอการรายงานข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในวันพุธ ก่อนการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐในวันที่ 17-18 ธันวาคม โดยนักเศรษฐศาสตร์คาดว่าจะเงินเฟ้อทั่วไปจะเพิ่มขึ้นมาที่ 2.7% จาก 2.6% ในเดือนตุลาคม นอกจากนี้ยังมีการรายงานดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ในวันพฤหัสบดี
โมนา มาฮาจาน หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนของ Edward Jones กล่าวว่า ตลาดรอดูข้อมูล CPI และ PPI ในสัปดาห์นี้ และต้องการเห็นตัวเลขที่จะไม่มีผลต่อเฟดมากเกินไปในสัปดาห์หน้า
หาก CPI สอดคล้องกับการคาดการณ์ นักลงทุนจะคาดหวังว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในสัปดาห์หน้า
ลินด์เซย์ เบลล์ หัวหน้านักกลยุทธ์ของ 248 Ventures กล่าวว่านักลงทุนระมัดระวังก่อนการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจและการประชุมของเฟด อย่างไรก็ตามตลาดอยู่ในช่วงเวลาที่แข็งแกร่งตามฤดูกาลของปี และนักลงทุนก็แค่พัก เพื่อหาสัญญาณที่เฟด จะหยุดวงจรการผ่อนคลายทางการเงินชั่วคราวในเดือนมกราคม หลังจากที่เจ้าหน้าที่ของเฟดเมื่อสัปดาห์ที่แล้วให้ความเห็นเป็นนัยถึงการชะลอการผ่อนคลายนโยบายการเงินจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว
หุ้น Walgreens Boots Alliance วิ่งขึ้น 17.7% จากรายงานว่าบริษัทกำลังเจรจาขายกิจการให้กับบริษัท Sycamore Partners
หุ้น Boeing เพิ่มขึ้น 5.5% จากรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า บริษัทเริ่มกลับมาดำเนินการผลิตเครื่องบินรุ่น 737 MAX ในสัปดาห์ที่แล้ว
ตลาดยุโรปปิดลบ หลังปรับขึ้นติดต่อกัน 8 วัน นำโดยหุ้นกลุ่มสินค้าหรู หลังจากจีนรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ขณะที่นักลงทุนรอการตัดสินใจเชิงนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (ECB ) ในปลายสัปดาห์นี้
ดัชนี CAC 40 ของฝรั่งเศสลดลง 1.1% ซึ่งลดลงมากที่สุดในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจยุโรปที่สำคัญ
ข้อมูลแสดงให้เห็นว่าการส่งออกของจีนชะลอตัวลงอย่างรวดเร็วและการนำเข้าหดตัวอย่างไม่คาดคิดในเดือนพฤศจิกายน ถือเป็นสัญญาณที่น่ากังวลสำหรับเศรษฐกิจอันดับ 2 ของโลก
หุ้นของบริษัทหรูที่มีรายได้จำนวนมากจากจีน เช่น LVMH และ Kering ลดลง 2.5% และ 2.2% ตามลำดับ ส่งผลให้ดัชนีสินค้าฟุ่มเฟือยลดลง 1.6%
ตลาดยังเกาะติดพัฒนาการทางการเมืองในฝรั่งเศส หลังพรรคสังคมนิยมสายกลางซ้ายน่าจะเป็นผู้นำในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่
ประเด็นสำคัญในสัปดาห์นี้คือการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยในวันพฤหัสบดีของ ECB โดยข้อมูลจาก LSEG บ่งชี้ว่า เทรดเดอร์มองว่ามีโอกาส 85% ที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25%
นอกจากนี้ ตลาดรอการรายงานข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ในวันพุธ ซึ่งอาจส่งผลต่อการประเมินการตัดสินใจดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐในการประชุมสัปดาห์หน้า
ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 518.49 จุด ลดลง 2.73 จุด, -0.52%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,280.36 จุด ลดลง 71.72 จุด, -0.86%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,394.78 จุด ลดลง 85.36 จุด, -1.14%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 20,329.16 จุด ลดลง 16.80 จุด, -0.08%
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมกราคม เพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น 22 เซนต์ หรือ 0.32% ปิดที่ 68.59 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น ก.พ. เพิ่มขึ้น 5 เซนต์ หรือ 0.07% ปิดที่ 72.19 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
———————————————————————————————————————————————————–