“THREL”กำไร Q3รับ 30 ล. คาดปีนี้เบี้ยรับโต 10% เกินเป้า

HoonSmart.com>>ไทยรีประกันชีวิต (THREL) เปิดผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ทำกำไร 30 ล้านบาทเท่ากับงวดเดียวกันของปีก่อน ผลจากค่าใช้จ่ายรวมเพิ่มจากเคลมประกันสุขภาพสูง รุกขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ มั่นใจเบี้ยประกันภัยต่อรับเติบโตกว่า 10% สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ก่อนหน้าที่ 4 – 5%

นายสุทธิ รจิตรังสรรค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยรีประกันชีวิต (THREL) เปิดเผยว่า บริษัทมีกำไรสุทธิงวดไตรมาส 3 ปี 2566 จำนวน 30
ล้านบาท ใกล้เคียงกับงวดเดียวกันของปีก่อน แยกเป็น หนึ่ง กำไรจากการรับประกันภัย 15 ล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยเกิดจาก การที่บริษัทมีเบี้ยประกันภัยต่อรับรวม 981 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 196 ล้านบาท หรือคิดเป็น 25% โดยเป็นเบี้ยประกันภัยต่อที่ถือเป็นรายได้สุทธิ 871 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 111 ล้านบาท หรือคิดเป็น 15% เป็นผลจากการเติบโตของงานประกันสุขภาพทั้งแบบรายบุคคลและแบบรายกลุ่ม

ขณะที่ ค่าใช้จ่ายในการรับประกันภัยรวม 857 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 112 ล้านบาท หรือคิดเป็น 15% ซึ่งเกิดจากค่าสินไหมทดแทนรวม เพิ่มขึ้น 114 ล้านบาท ตามการเติบโตของเบี้ยประกันที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้มีอัตราค่าใช้จ่ายรวม (combined ratio) ของไตรมาส 3/2566 เท่ากับ 98% ใกล้เคียงกับงวดเดียวกันของปีก่อน

สอง กำไรที่เกิดจากรายได้เงินลงทุนสุทธิและรายได้อื่นไตรมาส 3 ปี 2566 จำนวน 21 ล้านบาท ใกล้เคียงกับงวดเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากรายได้ดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจากปีก่อน

สำหรับ ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนของปี 2566 มีกำไรสุทธิ 48 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 93 ล้านบาท หรือคิดเป็น 66% โดยมีสาเหตุ จากบริษัทมีขาดทุนจากการรับประกันภัยต่อ แต่เป็นการขาดทุนที่ลดลง ค่าสินไหมทดแทนรวมเพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งเกิดจากจำนวนการเข้ารักษาพยาบาล สะสมและอัตราค่ารักษาพยาบาลที่เพิ่มขึ้น ค่านายหน้าเพิ่มขึ้นตามการเติบโตของเบี้ยประกันภัยที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีอัตราค่าใช้จ่ายรวม (combined ratio) ของรอบ 9 เดือนของปี 2566 เท่ากับ 100% เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 5% ในส่วนของอัตราค่ารักษาพยาบาลที่ปรับตัวสูงขึ้น บริษัทได้ดำเนินการทบทวนราคาค่าเบี้ยประกันสุขภาพ สำหรับการต่ออายุสัญญาให้เหมาะสม เพื่อให้อัตราค่าสินไหมทดแทนต่อเบี้ย (Loss ratio) และอัตราค่าใช้จ่ายรวม (Combined ratio) กลับเข้าสู่เกณฑ์เป้าหมาย

ด้านรายได้จากการลงทุนสุทธิรอบ 9 เดือนของปี 2566 มีจำนวน 60 ล้านบาท ใกล้เคียงกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งแม้ว่าการเปลี่ยนแปลงนโยบายบัญชีเงินลงทุนในปีนี้ ทำให้บริษัทไม่มีการบันทึกรายได้จากการขายเงินลงทุนผ่านงบกำไรขาดทุน แต่มีส่วนของรายได้จากดอกเบี้ยรับเพิ่มขึ้นตามการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยในตลาดตราสารหนี้

ทั้งนี้ งวด 9 เดือนที่ผ่านมา บริษัทมีเบี้ยประกันภัยต่อรับรวม 2,647 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 380 ล้านบาท หรือคิดเป็น 17% เป็นผลจากการเติบโตของงานประกันสุขภาพทั้งแบบรายบุคคลและแบบรายกลุ่ม

นายสุทธิ กล่าวว่า ล่าสุดบริษัทฯได้ร่วมมือพันธมิตรขยายฐานลูกค้าภายในประเทศ ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีความเหมาะสม สามารถรองรับไลฟ์สไตล์ ตอบสนองความต้องการลูกค้าแบบเฉพาะรายบุคคลได้อย่างลงตัวมากขึ้น ควบคู่ไปกับการขยายตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศอาเซียน เบื้องต้นมั่นใจช่วงโค้งสุดท้ายของปีเติบโตสดใสต่อเนื่อง หนุนภาพรวมเบี้ยประกันภัยต่อรับเติบโตกว่า 10% สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ก่อนหน้าที่ 4 – 5%