STECON ตั้งเป้าปี 73 รายได้ 4.5 หมื่นลบ. หวัง P/E 20-25 เท่าหลังรวมธุรกิจใหม่

HoonSmart.com>>”สเตคอน กรุ๊ป”(STECON) ตั้งเป้ารายได้ปี 73 ที่่ 4.5 หมื่นล้านบาท ROE กว่า 10% หุ้นเทรด P/E 20-25 เท่าหลังรวมธุรกิจใหม่  คาดสัดส่วนรายได้ 50:50 จากปัจจุบันมาจากรับเหมาฯ 90%  หวัง 5 แนวคิดธุรกิจใหม่นำไปสู่ผู้นำด้านโครงสร้างพื้นฐานแห่งอนาคต ส่วนไตรมาส 4 ดีกว่าไตรมาสที่แล้ว เริ่มรับรู้ธุรกิจโรงไฟฟ้า ทั้งปี 67 รายได้ทะลุเป้า 3 หมื่นล้านบาท ส่วนปี 68 ตั้งเป้า 4 หมื่นล้านบาท คาดปี 68 รัฐชง 13-14 โครงการเข้าครม. มูลค่ากว่า 7 แสนล้านบาท

นายศิว์วิศว์ อนันตกุล ผู้จัดการแผนกนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท สเตคอน กรุ๊ป (STECON) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2573 ประมาณ 45,000 ล้านบาท และ ROE กว่า 10% โดยคาดหวังหุ้นน่าจะเทรดที่ระดับ P/E 20-25 เท่า หลังรวมธุรกิจใหม่ จากปัจจุบันกลุ่มรับเหมาก่อสร้างเทรด P/E 10 เท่าเศษ  บริษัทยังเน้นการลดต้นทุนในธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง อัตรากำไร (มาร์จิ้น) จะได้มากขึ้น และหันไปทำธุรกิจใหม่ Data Center อย่างไรก็ดี ธุรกิจรับเหมาฯยังคงสัดส่วนรายได้ให้บริษัท 99% ในปัจจุบัน แต่มีเป้าหมายให้สัดส่วนรายได้เป็น 50 : 50 หลังมีธุรกิจใหม่เข้ามา

แนวคิดการทำธุรกิจใหม่เพื่อก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้าน”โครงสร้างพื้นฐานแห่งอนาคต” ประกอบด้วย 1.การขยายการก่อสร้างหลัก โดยเน้นส่วนที่มีอัตรากำไรสูง 2. พลังงานสะอาด ที่มองอยู่มาจากขยะ แต่ยังไม่ทิ้งพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม อีกทั้งยังมองไฮโดรเจน การจัดเก็บพลังงาน ไมโครกริด 3.โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล ในลักษณะศูนย์ข้อมูล (Data Centers) โดยต้องการเป็นบริษัทที่ใช้เทคโนโลยีมาช่วยทำธุรกิจให้มากขึ้น ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการอยู่ 4. การจัดการน้ำ ทั้งการรักษา และการจัดหา รวมถึงการระบายความร้อน และ 5.โลจิสติกส์ ทำถนน โทลเวย์ การคมนาคมแห่งอนาคต สามารถนำเทคโนโลยีมาใช้ได้เป็นถนนในอนาคตที่จะมี AI มาช่วย

บริษัทเริ่มธุรกิจ Data Center โครงการแรกที่บางนา-ตราด ขนาดโครงการ 30-60 เมกะวัตต์ (MW) และมีอีกหนึ่งแห่งที่ชลบุรี โมเดลธุรกิจคล้ายกัน คือก่อสร้างอาคาร และวางระบบ แล้วให้โอเปอเรเตอร์เช่า ซึ่งอยู่ระหว่างพูดคุยกัน ยังไม่ได้ลงนามสัญญา แต่คาดว่าจะเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ โดยมองเฟสแรกอาจไม่มากแค่ 20-30 เมกะวัตต์ แต่สามารถขยายไปได้ถึง 200 MW อยู่ที่ลูกค้าต้องการขยายไปขนาดไหน ซึ่งอัตราผลตอบแทน (IRR) จะได้สองหลัก

สำหรับผลงานไตรมาส 4 ปี 2567 คาดว่ารายได้จะสูงขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว จากการรรับรู้รายได้จากธุรกิจโรงไฟฟ้าที่เริ่มเข้ามาแม้จะยังไม่มาก โดยรายได้ปี 2567 คาดว่าจะทะลุเป้า 3 หมื่นล้านบาท ยอดสั่งซื้อใหม่ทะลุเป้า 4 หมื่นล้านบาท โดยตั้งแต่ไตรมาส 4 ถึงปี 2568 คำสั่งซื้อใหม่จะมีเข้ามาเพิ่มขึ้น ส่วนปี 2568 ตั้งเป้ารายได้ 4 หมื่นล้านบาท มั่นใจว่าจะทำได้ คาดว่าจะมี 13-14 โครงการรัฐฯเข้าครม. มูลค่ากว่า 7 แสนล้านบาท ส่วนงานในมือ (Backlog) คาดว่าสิ้นปี 2567จะยืนระดับแสนล้านบาทได้ จากสิ้นไตรมาส 3 มีอยู่ 87,611 ล้านบาท ตั้งงบลงทุนไว้เกือบ 3 พันล้านบาทในแต่ละปี ซึ่งในปี 2568 จะมีการลงทุนธุรกิจใหม่

นอกจากนี้ คาดหวังรายได้จากโครงการ Mars Water Supply ตั้งแต่ไตรมาส 1 ปี 2568 และจากโครงการทางด่วน M6 และ M81 ตั้งแต่ปี 2568 และปี 2569 ตามลำดับ

ทั้งนี้ ปีนี้การเบิกจ่ายของภาครัฐยังไม่มาก ทำให้ธุรกิจรับเหมายังมีกระแสเงินสด (Cash flow) ตึง ๆ บริษัทจึงจำเป็นต้องกู้ยืมเงิน เพื่อใช้ในการลงทุนธุรกิจรับเหมา และเตรียมเงินไว้ลงทุนธุรกิจใหม่ด้วย โดยปีนี้ 9 เดือนบริษัทมีอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) 1.49 เท่า และยังไม่มีแผนออกหุ้นกู้ด้วย

นายศิว์วิศว์ กล่าวถึงกรณี “NVDIA เข้ามาลงทุนในไทยว่า  เป็นสิ่งที่ดี ทำให้มองไทยเป็นฮับในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งทางเราก็ยังไม่ได้มีการคุยกันกับ NVDIA ในเรื่องการลงทุนแต่อย่างใด”

 
 
———————————————————————————————————————————————————–