HoonSmart.com>>หุ้น AAVดิ่งแรง -6.38% ก่อนฟื้น Sentiment ลบจากกระแสข่าวสะพัด”จองซื้อตั๋วแล้วไม่ได้ตั๋ว-ไม่คืนเงิน” บล.หยวนต้าฯแนะรอฟังคำชี้แจงจากบริษัท เทคนิคให้แนวรับ 2.60-2.64 แนวต้าน 2.80 บาท บล.ฟินันเซียไซรัสมองเป็นโอกาส”ซื้อ” บริษัทปิดระบบเจ้าปัญหาแล้ว คืนเงินลูกค้าไม่เกิน 1 แสนราย แนวโน้มกำไรโตจากจำนวนผู้โดยสารในไตรมาส 4
วันที่ 2 ธ.ค.2567 หุ้นบริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น (AAV) ร่วงแรงผิดปกติ ราคาลงไปต่ำสุดที่ 2.64 บาท ดิ่งแรง 0.18 บาทหรือ -6.38% ก่อนฟื้นขึ้นมาปิดที่ 2.76 บาท ลดลง 0.06 บาทหรือ -2.13% มูลค่าซื้อขาย 477 ล้านบาท
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ราคาหุ้น AAV เช้านี้ปรับตัวลงค่อนข้างมาก คาดว่าจะเป็นผลจากความกังวลกระแสข่าวที่ออกมาผ่านสื่อออนไลน์ที่ระบุว่า มีการจองซื้อตั๋วสายการบินแล้วไม่ได้ตั๋ว ขณะเดียวกันก็ไม่คืนเงินด้วย ซึ่งมองว่าประเด็นนี้เป็น Sentiment ลบให้กับหุ้น AAV อย่างไรก็ดี คงจะต้องรอฟังคำชี้แจงจากทางบริษัทอีกครั้งหนึ่ง
สัญญาณทางเทคนิคของหุ้น AAV มีแนวรับ 2.60-2.64 บาท แนวต้าน 2.80 บาท
ด้านบล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุว่า ราคาหุ้น AAVลงไปมาก จากกรณีปัญหาการจองตั๋ว เบื้องต้นปัญหาเกิดจาก Application ของ AirAsia Move (ถือหุ้นโดย Capital A โดย AAV ไม่ได้เป็นถือผู้ถือหุ้น)
ในช่วงเดือนที่ผ่านมามีการคิดผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยใช้ algorithm เสนอขายตั๋วที่ได้ราคาดีที่สุด จากทั้งของ AirAsia และ OTA เจ้าอื่นๆ เข้าด้วยกัน (ตัว App ของ Move พยายามทำตัวเองเป็น OTA อีกเจ้าหนึ่ง) แต่ระบบการชำระเงิน (คาดว่าน่าจะเฉพาะการชำระผ่าน Debit card) มีปัญหา เนื่องจากขั้นตอนการคืนเงินแก่ลูกค้า ต้องให้ลูกค้าใส่เลขบัญชีแบบ manual ผ่านทาง e-mail แต่น่าจะมีลูกค้าจำนวนหนึ่งที่ไม่เห็นการแจ้งดังกล่าวจึงเป็นปัญหาขึ้น
บริษัทได้ปิดการชำระเงินผ่านช่องทางดังกล่าวแล้ว และจะดำเนินการคืนเงินให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบต่อไป เบื้องต้นคาดว่าจะไม่เกิน 1 แสนราย (ถือว่าไม่มากถ้าเทียบกับผู้โดยสารของ AAV ปีละ 20-21 ล้านคน)
ส่วนราคาหุ้นลงมาประมาณ 5% จึงมองว่าเป็นโอกาส “ซื้อ” เนื่องจากคาดว่าระบบจะได้รับการแก้ไข และการดำเนินงานในช่วงไตรมาสที่ 4 ยังดีต่อเนื่อง จากจำนวนผู้โดยสารเติบโต 6%เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนในเดือนต.ค.-พ.ย.และคาดว่าจะจบมากกว่า 5.5 ล้านคนที่ทำได้ช่วง ไตรมาสแรกปีนี้ โดย Load factor ของในประเทศ และระหว่างประเทศยังแข็งแกร่งที่ 92% และ 84% ตามลำดับ
———————————————————————————————————————————————————–