HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นสหรัฐฯ 3 ดัชนีหลักปิดลบ ดาวโจนส์ลดลง 138 จุด แรงขายหุ้นเทคโนโลยีช่วงก่อนวันขอบคุณพระเจ้า กังวลธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจระมัดระวังปรับลดดอกเบี้ย หลังรายงานเงินเฟ้อยังคงแข็งแกร่ง นักลงทุนขายลดความเสี่ยงลงบางส่วน หลังตลาดปรับขึ้นมากในเดือนนี้ ด้าน “ราคาน้ำมันดิบ” ลดเล็กน้อย ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดลบ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 27พฤศจิกายน ปิดที่ 44,722.06 จุด ลดลง 138.25 จุด หรือ -0.31% ขณะที่ดัชนี Nasdaq นำการปรับลง จากหุ้นเทคโนโลยีที่ร่วงลงในช่วงก่อนวันขอบคุณพระเจ้า จากความกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) อาจระมัดระวังเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ย หลังจากข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่ง ประกอบกับนักลงทุนลดความเสี่ยงลงบางส่วนหลังจากที่ตลาดปรับขึ้นมากในเดือนนี้
ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 5,998.74 จุด ลดลง 22.89 จุด, -0.38%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,060.48 จุด ลดลง 115.10 จุด, -0.60%
นักลงทุนขายทำกำไรในบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ที่ปรับขึ้นด้ดีในปีนี้ หุ้น Nvidiaซึ่งเพิ่มขึ้น
มาก 173% ในปี 2024 ลดลงกว่า 1% ในระหว่างชั่วโมงซื้อขาย หุ้น Meta Platforms ลดลง 0.8% แต่เพิ่มขึ้นประมาณ 60% ในปีนี้
หุ้น Dell และ หุ้น HP ลดลงกว่า 12% และ 11% ตามลำดับหลังคาดการณ์ผลการดำเนินงานที่อ่อนแอ
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ รายงาน ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนตุลาคมเพิ่มขึ้น 2.3% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ แต่สูงกว่าที่เพิ่มขึ้น 2.1% ในเดือนกันยายน เมื่อเทียบรายเดือนเพิ่มขึ้น 0.2% ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน (Core PCE) ซึ่งไม่รวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้น 2.8% เมื่อเทียบรายปี สอดคล้องกับการคาดการณ์ แต่ก็สูงกว่า 2.7%ในเดือนกันยายนเช่นหัน เมื่อเทียบรายเดือนเพิ่มขึ้น 0.3%
ข้อมูล PCE แสดงให้เห็นว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งในเดือนตุลาคม ซึ่งบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงรักษาอัตราการเติบโตที่แข็งแกร่งไว้ได้ แต่ความคืบหน้าในการลดอัตราเงินเฟ้อดูเหมือนจะชะงัก
เดวิด อัลคาลี หัวหน้านักกลยุทธ์เศรษฐศาสตร์มหภาคของ Lazard Asset Management กล่าวว่า ข้อมูลในปัจจุบันไม่ได้เปลี่ยนมุมมองของแนวโน้มภาวะเงินเฟ้อลดลง แต่ผู้สังเกตการณ์จำนวนมาก ซึ่งอาจรวมถึงบางคนที่เฟด กำลังมองหาเหตุผลที่ทำให้แนวโน้มเข้มงวดขึ้น เมื่อพิจารณาถึงผลจากนโยบายที่ทำให้เกิดเงินเฟ้อ เช่น อัตราภาษีการค้าใหม่
เครื่องมือ FedWatch ของ CME บ่งชี้ว่า เทรดเดอร์ให้น้ำหนักว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมเดือนธันวาคม อย่างไรก็ตาม ก็คาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในการประชุมเดือนมกราคมและมีนาคม
นักลงทุนยังคงประเมินผลกระทบของคำมั่นของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เมื่อวันจันทร์ที่จะเก็บภาษี 25% สำหรับการนำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดา และ 10% สำหรับสินค้าจีน เว้นแต่ว่าจะสามารถแก้ปัญหายาเสพติดและผู้อพยพผิดกฎหมายเข้าสู่สหรัฐฯ
Goldman Sachs ระบุในบทวิเคราะห์ย่อในสัปดาห์นี้ว่า ความเสี่ยงด้านนโยบายภาษีศุลกากรที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้การกลับสู่เป้าหมายเงินเฟ้อ 2.0% ช้าลง
นักลงทุนยังประเมินข้อมูลชุดอื่นในช่วงแรกของวันซึ่งแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่งในไตรมาสที่สาม จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ลดลงอีกครั้งในสัปดาห์ที่แล้ว ส่งผลให้เฟดยังมีโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนธันวาคม
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ รายงานประมาณการผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3 ครั้งที่ 2 ว่า ขยายตัว 2.8% ไม่เปลี่ยนแปลงจากประมาณการครั้งที่ 1
กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงานจำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ในสัปดาห์ที่แล้ว ลดลง 2,000 ราย มาที่ 213,000 ราย และต่ำกว่า 216,000 รายที่นักวิเคราะห์คาด
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ รายงาน ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนตุลาคม สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าลดลง 0.8% จากที่ลดลง 0.4% ในเดือนกันยายน
สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐฯ (NAR) รายงาน ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales)เดือนตุลาคมเพิ่มขึ้น 2% เมื่อเทียบรายเดือน สมาที่ 77.4 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 2%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กจะปิดทำการในวันนี้ เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า (Thanksgiving) และจะมีการซื้อขายเพียงครึ่งวันในวันศุกร์
ตลาดยุโรปปิดลดลง โดยตลาดหุ้นฝรั่งเศสแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 3 เดือน เนื่องจากนักลงทุนกังวลกับความสามารถของรัฐบาลที่เปราะบางในการผลักดันงบประมาณ ขณะที่ยังมีความกังวลอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับแนวโน้มการเก็บภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ กดดันหุ้นรถยนต์
ตลาดหุ้นฝรั่งเศสร่วงลงมากกว่า 1% ในระหว่างวันสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีถ่วงดัชนี STOXX 600 ลงมากที่สุด จากการร่วงลงของบริษัทของฝรั่งเศส
พันธบัตรของฝรั่งเศสก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน ทำให้ต้นทุนดอกเบี้ยที่รัฐบาลต้องจ่ายสำหรับการกู้ยืมระยะยาวเพิ่มขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2555
มารีน เลอ แปง ผู้นำฝ่ายขวาจัด ได้ข่มขู่ว่าจะล้มรัฐบาล จากมาตรการลดการใช้จ่ายและการเพิ่มภาษีในงบประมาณ
นักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับเป้าหมายต่อไปสำหรับการเก็บภาษี หลังจากที่โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ให้คำมั่นว่าจะเก็บภาษีนำเข้าจำนวนมากจากคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงเม็กซิโกและจีน
หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยปรับขึ้น 1.7% ซึ่งช่วยไม่ให้ตลาดลดลงมาก
ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 504.96 จุด ลดลง 0.94 จุด, -0.19%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,274.75 จุด เพิ่มขึ้น 16.14 จุด, +0.20%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,143.03 จุด ลดลง 51.48 จุด, -0.72%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 19,261.75 จุด ลดลง 34.23 จุด, -0.18%
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมกราคม ลดลง 5 เซนต์ หรือ 0.07% ปิดที่ 68.72 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนมกราคม เพิ่มขึ้น 2 เซนต์ หรือ 0.03% ปิดที่ 72.83 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
———————————————————————————————————————————————————–