ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 440 จุด ขานรับว่าที่รมต.คลังของทรัมป์

HoonSmart.com>>3 ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้น ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 440 จุด ขานรับว่าที่รมต.คลังของทรัมป์ “สก็อตต์ เบสเซนท์” ผู้ก่อตั้ง Key Square Group กองทุนเฮดจ์ฟันด์  และมีข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและเลบานอน  กดดันราคาน้ำมันร่วงกว่า 3%  และดัชนีพลังงานลดลง 2% ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก หวัง ECB จะปรับลดดอกเบี้ยลง 0.50% ในการประชุมวันที่ 12 ธ.ค.นี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 25 พ.ย.ปิดที่ 44,736.57 จุด เพิ่มขึ้น 440.06 จุด หรือ + 0.99% นักลงทุนขานรับการเสนอชื่อสก็อตต์ เบสเซนต์ รับตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ของว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 5,987.37 จุด เพิ่มขึ้น 18.03 จุด, +0.30%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,054.84 จุด เพิ่มขึ้น 51.18 จุด, +0.27%

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ดัชนี S&P 500 และดัชนีรัสเซล 2000 ที่ประกอบด้วยหุ้นขนาดเล็กทำสถิติใหม่ โดยดัชนีรัสเซล 2000 พุ่งขึ้น 1.47% และทะลุระดับ all-time high ก่อนหน้าในปี 2021 มาที่ระดับสูงสุดใหม่ในชั่วโมงซื้อขาย หุ้นมากกว่า 3 ใน 4 ของ S&P 500 มีการซื้อขายสูงขึ้นในระหว่างวัน

นักลงทุนมองว่าสก็อตต์ เบสเซนท์ ผู้ก่อตั้ง Key Square Group กองทุนเฮดจ์ฟันด์ จะเป็นผลบวกต่อตลาดทุน และช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยไม่ทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ

นักกลยุทธ์การลงทุนบางรายกล่าวว่า เบสเซนต์อาจใช้มาตรการ เพื่อยับยั้งการกู้เพิ่มของรัฐบาล แม้จะทำตามคำมั่นด้านการคลังและการค้าตามที่รณรงค์หาเสียงไว้ก็ตาม และยังเชื่อว่าเขาอาจช่วยบรรเทานโยบายกีดกันทางการค้าที่รุนแรงที่สุดของทรัมป์

เจมส์ ไรลีย์ นักเศรษฐศาสตร์ตลาดอาวุโส Capital Economics กล่าวว่า การเลือกสก็อตต์ เบสเซนต์ เป็นรัฐมนตรีกระทรวงการคลังดูเหมือนจะช่วยคลายความกังวลด้านการคลังที่สำคัญได้

เบสเซนต์ กล่าวกับ CNBC ในการให้สัมภาษณ์เมื่อต้นเดือนนี้ก่อนที่เขาจะได้รับการเสนอชื่อว่า เขาแนะนำให้ค่อยๆ เก็บภาษีศุลกากร หากมองการปรับตัวราคาควบคู่ไปกับเรื่องอื่นๆที่ทำให้ภาวะเงินเฟ้อลดลงทั้งหมดที่ประธานาธิบดีทรัมป์กำลังพูดถึง ก็จะได้เห็นเงินเฟ้อที่เป้าหมายเงิน 2% หรือต่ำกว่านั้น อีกครั้ง

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลและดัชนีดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงหลังการเสนอชื่อเบสเซนต์ในเย็นวันศุกร์ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ10 ปีลดลงมาที่ 4.279% และส่งผลให้ภาคอสังหาริมทรัพย์ที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยปรับขึ้น ขณะที่ดัชนีHousing index ก็เพิ่มขึ้น 4.5%

ในกลุ่มหุ้นเทคโนโลยีใหญ่อเมซอน Amazonและ Alphabet เพิ่มขึ้น แต่ Nvidia และ Netflix ลดลง

ความสนใจของตลาดยังมองไปที่ข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและเลบานอน ซึ่งทำให้ราคาน้ำมันลดลง ส่งผลให้ดัชนีพลังงานลดลง 2%
หุ้น Bath & Body Works บริษัทค้าปลีก พุ่งขึ้น 16.5% หลังจากปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการของทั้งปีบัญชี

หุ้น Macy’s ห้างสรรพสินค้ารายใหญ่ลดลง 2.2% หลังจากบริษัทเลื่อนการรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 จากปัญหาด้านบัญชี

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังมีความกังวลว่าแรงกดดันด้านเงินเฟ้ออาจพุ่งสูงขึ้นและชะลอการผ่อนคลายนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) และจับตาการรายงานดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ในวันพุธนี้ก่อนปิดทำการเนื่องในวันขอบคุณพระเจ้าของสหรัฐฯ
ดัชนี PCE เป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์คาดว่า Core PCE เพิ่มขึ้นเป็น 2.8% ในเดือนที่แล้วจาก 2.7% ในเดือนกันยายน อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นจะทำให้เฟดลังเลที่จะลดอัตราดอกเบี้ยลงลึกหรือเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

เดวิด เมริเคิล นักเศรษฐศาสตร์ของ Goldman Sachs คาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะชะลอตัวลงภายในสิ้นปีหน้าเป็น 2.4% แต่อัตราเงินเฟ้อจะลดลงอีก หากไม่มีการปรับเพิ่มภาษีนำเข้าจากจีนและรถยนต์ตามนโยบายของทรัมป์

ตลาดหุ้นนิวยอร์กจะปิดทำการในวันพฤหัสบดีที่ 28 พ.ย. เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า (Thanksgiving) และจะซื้อขายเพียงครึ่งวันในวันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายน

ตลาดยุโรปปิดบวก แต่อ่อนตัวจากระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ เนื่องจากการปรับขึ้นถูกจำกัดโดยหุ้นพลังงานที่ตกลง ขณะที่ความเชื่อมั่นของตลาดยังคงเป็นไปในทางบวกหลังจากการเสนอชื่อรัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ คนใหม่ และการให้ความเห็นเกี่ยวกับการผ่อนคลายนโยบายการเงินจากหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารกลางยุโรป(ECB)

ดัชนี STOXX 600 ขยับขึ้น แตะระดับสูงสุดในรอบสองสัปดาห์ในช่วงเช้าของการซื้อขายและปรับขึ้นสามวันติดต่อกัน
หุ้นพลังงานลดลง 1% และฉุดดัชนีมากสุด เนื่องจากราคาน้ำมันร่วงลง 2.7% จากรายงานว่าอิสราเอลและเลบานอนตกลงตามเงื่อนไขของข้อตกลงเพื่อยุติความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-ฮิซบอลเลาะห์

สำหรับความเคลื่อนไหวรายกลุ่มอุตสาหกรรม หุ้นกลุ่มการป้องกันประเทศลดลงมากที่สุดโดยลดลง 1.5%
หุ้น UniCredit ธนาคารในอิตาลีร่วงลง 4.7% จากข้อเสนอขายหุ้นทั้งหมดมูลค่า 1 หมื่นล้านยูโร (10.45 พันล้านดอลลาร์) ให้กับ Banco BPM คู่แข่งในประเทศที่มีขนาดเล็กกว่า ราคาหุ้น Banco BPM เพิ่มขึ้น 5.5%

หุ้น Commerzbank ลดลง 5% เนื่องจากนักลงทุนประเมินผลกระทบของข้อตกลง Banco BPM ของ Unicredit
หุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยเป็นหนึ่งในหุ้นที่พุ่งสูงขึ้นมากที่สุด โดยเพิ่มขึ้นมากกว่า 1.5%

ตลาดหุ้นทั่วโลกมีความเชื่อมั่นมากขึ้น หลังจากที่สก็อตต์ เบสเซนต์ ผู้จัดการกองทุนได้รับการเสนอชื่อเป็นรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ซึ่งคาดว่าเบสเซนต์จะจัดการหนี้ของสหรัฐฯ และมุ่งเน้นไปที่ภาษีการค้า

นอกจากนี้ความสนใจจะอยู่ที่การรายงานข้อมูลยุโรปเศรษฐกิจในสัปดาห์นี้ ซึ่งอาจให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจของยูโรโซน เยอรมนีซึ่งเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของกลุ่ม มีกำหนดเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อเบื้องต้นในวันพฤหัสบดี

ฟิลลิป เลน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ ECB กล่าวว่า นโยบายของธนาคารไม่ควรเข้มงวดนานเกินไป ขณะเดียวกันก็ชื่นชมแนวทางการลดอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป

ตลาดคาดหวังมากขึ้นว่า ECB จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% ในการประชุมวันที่ 12 ธันวาคม โดยมองว่ามีความเป็นไปได้มากกว่า 50%
ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 508.78 จุด เพิ่มขึ้น 0.31 จุด, +0.06%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,291.68 จุด เพิ่มขึ้น 29.60 จุด, +0.36%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,257.47 จุด เพิ่มขึ้น 2.46 จุด, +0.03%,
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 19,405.20 จุด เพิ่มขึ้น 82.61 จุด, +0.43%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 2.30 ดอลลาร์ หรือ -3.23% ปิดที่ 68.94 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนม.ค.ลดลง 2.16 ดอลลาร์ หรือ 2.87% ปิดที่ 73.01 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 
 
———————————————————————————————————————————————————–