10 แบงก์กวาดกำไร 5.9 หมื่นลบ.โต 10.5% BBL เจ๋งสุด ส่วน SCB-KKP ยอดแย่ Q3/66

HoonSmart.com>>ธนาคารพาณิชย์ 10 แห่ง รายงานผลงางวดไตรมาสที่ 3/2566 มีกำไรสุทธิรวมทั้งสิ้น 59,472.98 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 5,657.48 ล้านบาท เติบโต 10.51% เทียบกับระยะเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 53,815.50 ล้านบาท โดยธนาคารกรุงเทพ(BBL) เป็นแชมป์ที่มีกำไรสุทธิสูงสุุด 11,349.91 ล้านบาท และเติบโตมากที่สุดถึง 48.23 % รวม 9 เดือนแรก มีกำไรสุทธิ 32,772.71 ล้านบาท พุ่งขึ้น 50.8% ส่วนใหญ่มาจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 33.3%

ส่วนบริษัท เอสซีบี เอกซ์ (SCB) เสียแชมป์ในการสร้างกำไรมากที่สุด ไตรมาสนี้กลับสร้างความผิดหวังมาก เหลือกำไรเพียง 9,663 ล้านบาท ลดลง 6.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมีการตั้งสำรองพิเศษเพิ่มขึ้นอีก 1,500 ล้านบาท เป็นจำนวน 12,245 ล้านบาท เพื่อรองรับความเสี่ยงในอนาคตจากสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ที่มีความไม่แน่นอนสูงขึ้น รวม 9 เดือนปีนี้ กำไรสุทธิ 32,527 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.0%

ขณะเดียวกัน ธนาคารเกียรตินาคินภัทร (KKP) ก็มีกำไรต่ำกว่าคาดการณ์ เหลือจำนวน 1,280.51 ล้านบาท ลดลง 38.51% เนื่องจากมีการสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจำนวน 1,678 ล้านบาท ลดลง 10.7%  จากไตรมาสที่ 2/2566  แต่เพิ่มขึ้นถึง 54% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน  เพื่อเป็นการรองรับคุณภาพของสินเชื่อภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงฟื้นตัวเฉพาะส่วนและการแข่งขันที่ปรับตัวรุนแรงมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีผลขาดทุนจากการขายทรัพย์สินรอการขาย ทำให้ผลงานรวม 9 เดือนแรก มีกำไรสุทธิ 4,773.66 ลดลง 22.7%

อย่างไรก็ตามภาพรวมการดำเนินงานปกติของธนาคารพาณิชย์ต่างๆดีขึ้น เนื่องจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นตามอัตราดอกเบี้ย และสามารถบริหารเงินฝากล่วงหน้า รวมถึงควบคุมต้นทุนการดำเนินงานได้ดี โดยเฉพาะธนาคารกรุงไทย (KTB) ที่มีกำไรสุทธิ 10,282.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 1832.35 ล้านบาทหรือ เติบโต 21.69% ธนาคารทหารไทยธนชาต(TTB) มีกำไรสุทธิ 4,734.89 ล้านบาท เติบโต 27.47% และธนาคารกสิกรไทย(KBANK) มีกำไรสุทธิ 11,281.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.69% ส่งผลให้ราคาหุ้นยืนแข็งแกร่งกว่าตลาด

ตลาดหุ้นและนักลงทุนผิดหวังกำไรของ SCB ที่ออกมาในช่วงบ่ายของวันที่ 20 ต.ค.ที่ผ่านมาเป็นอย่างมาก ทำให้เกิดแรงขายหุ้นออกมารุนแรง ราคาร่วงลงหนักหลุด 100 บาท ลงไปต่ำสุดแตะ 90 บาท ก่อนปิดที่ 99.75 บาท ติดลบ 3.75 บาทหรือ -3.62% ส่วน KKP ลดลงเพียง 1 บาทปิดที่ 51.50 บาท แต่ยังไม่สะท้อนผลงานที่แย่ลง เพราะแจ้งข่าวร้ายหลังตลาดปิดการซื้อขายหุ้นแล้ว

ด้านนักวิเคราะห์บล.ฟินันเซีย ไซรัส เตือนระวังแรงขายหุ้น SCB เชื่อว่าระยะสั้นราคาหุ้นจะตอบรับเชิงลบมากกับงบไตรมาสที่ 3 กำไรแย่กว่าที่ตลาดคาดมาก ลดลงถึง 18.6% จากไตรมาสที่ 2 (QoQ)และ -6.3% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) เนื่องจากคุณภาพสินทรัพย์อ่อนแอลง ส่วนใหญ่เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของสำรองหนี้ที่สูงกว่าคาดมาก แม้ SCB จะชี้แจงว่าส่วนใหญ่เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นตาม model ของ TFRS 9 และใส่สำรองส่วนเกินเพิ่ม (management overlay) ซึ่งควรจะทำให้ coverage ratio เพิ่ม แต่กลับลดลงเหลือ 167.2% จาก 170.6% ในไตรมาสที่ 2 สะท้อนว่ามีการตัดหนี้สูญ/ ขายหนี้มากขึ้นตาม NPL ที่เพิ่มขึ้น 2.7%  QoQ และ 3.7% YoYในกลุ่มสินเชื่อ SME สินเชื่อบ้าน และสินเชื่อบัตรเครดิต สินเชื่อ AutoX ในกลุ่ม Gen 2 เช่นที่กังวลกัน ขณะที่ภาพรวมธุรกิจหลักส่วนใหญ่เป็นไปตามคาด ยกเว้น NIM ที่เพิ่มขึ้นแย่กว่าคาด ทั้งนี้ให้ราคาเป้าหมายในปี 2567 ที่ 129 บาท