HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นปิดร่วง 23.69 จุด ตามตลาดต่างประเทศ เต็มไปด้วยปัจจัยลบ ทั้งบอนด์ยีลด์สูง-เฟดยังใช้นโยบายดอกเบี้ยสูงเพื่อคุมเงินเฟ้อ-สถานการณ์ตะวันออกกลางยืดเยื้อ เผชิญแรงขายจากหุ้นบิ๊กแคป นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 1,215.31 ล้านบาท ด้านนักลงทุนไทยช้อน 2,283.21 ล้านบาท แนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้าแกว่งลง แนวรับ 1,380-1,390 แนวต้าน 1,410-1,415 จุด
ตลาดหลักทรัพย์วันที่ 20 ต.ค.66 ดัชนีปิดที่ระดับ 1,399.35 จุด ลดลง 23.69 จุด หรือ -1.66% มูลค่าซื้อขาย 52,983.02 ล้านบาท โดยดัชนีแตะสูงสุด 1,422.33 จุด ต่ำสุด 1,397.80 จุด
นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 1,215.31 ล้านบาท และบัญชีหลักทรัพย์ขายสุทธิ 890.07 บาท ด้านนักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิ 2,283.21 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 177.83 ล้านบาท
น.ส.ชุติกาญจน์ สันติเมธวิรุฬ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นวันนี้ปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียต่างปรับตัวลง เช่นเดียวกับตลาดในยุโรปที่เทรดบ่ายนี้ โดยตลาดเต็มไปด้วยปัจจัยลบ ทั้งอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond yield) ที่พุ่งขึ้นมาทำจุดสูงสุดในรอบ 16 ปี, ความเห็นประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ต้องนโยบายดอกเบี้ยสูงเพื่อควบคุมเงินเฟ้อสหรัฐต่อไป กดดันภาพการลงทุน อีกทั้งสถานการณ์ตะวันออกลางที่ยืดเยื้อก็กดดันสินทรัพย์เสี่ยง
ขณะที่บ้านเราก็เผชิญแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติอยู่ และแรงขายทำกำไรหลังงบฯออก ส่วนมาตรการของภาครัฐในเรื่อง Digital Wallet ก็ถูกเลื่อนออกไป ทำให้ไปกดดันการลงทุน หลายปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้หุ้นขนาดใหญ่ต่างปรับตัวลง แต่ก็มีแรงเก็งกำไรหุ้นรายตัวที่มีปัจจัยเฉพาะตัวบ้าง นอกจากนี้ตลาดจะปิดทำการ 3 วันทำให้นักลงทุนเลือกที่จะลดความเสี่ยงก่อน
สัปดาห์หน้าติดตามตัวเลขส่งออกของไทย, ตามดูความคืบหน้า Digital Wallet ในวันที่ 24 ต.ค.อีกครั้ง ซึ่งการเลื่อนที่จะยังไม่ทำในวันที่ 1 ก.พ.67 ทำให้เป็นภาพลบต่อกลุ่มจับจ่ายใช้สอย และติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนงวดไตรมาส 3/66 ซึ่งสัปดาห์หน้ามี SCC, PTTEP, DELTA ส่วนนอกประเทศติดตามตัวเลข GDP ไตรมาส 3/66 ของสหรัฐ และติดตามสถานการณ์ตะวันออกกลาง รวมถึงทิศทาง Bond yield
แนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้าให้น้ำหนักแกว่งลง โดยมีแนวรับ 1,380-1,390 จุด แนวต้าน 1,410-1,415 จุด
5 อันดับหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ได้แก่
KBANK ปิดที่ 129.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท หรือ +1.98% มูลค่าซื้อขาย 3,684.70 ล้านบาท
SCB ปิดที่ 99.75 บาท ลดลง 3.75 บาท หรือ -3.62% มูลค่าซื้อขาย 3,445.91 ล้านบาท
PTTEP ปิดที่ 173.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท หรือ +1.17% มูลค่าซื้อขาย 2,362.71 ล้านบาท
HANA ปิดที่ 55.50 บาท ลดลง 2.50 บาท หรือ -4.31% มูลค่าซื้อขาย 1,711.50 ล้านบาท
BBL ปิดที่ 167.00 บาท ลดลง 1.50 บาท หรือ -0.89% มูลค่าซื้อขาย 1,567.08 ล้านบาท