ดาวโจนส์ปิดบวก 139 จุด จับตาผลการดำเนินงาน Nvidia

HoonSmart.com>> ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก 139 จุด ท่ามกลางความตึงเครียดสถานการณ์ระหว่างรัสเซียและยูเครน นักลงทุนจับตาผลดำเนินงาน Nvidia ด้าน “ราคาน้ำมันดิบ” ปรับตัวลดลง ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดลบ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 20 พฤศจิกายน ปิดที่ 43,408.47 จุด เพิ่มขึ้น 139.53 จุด หรือ +0.32% ท่ามกลางความตึงเครียดของสถานการณ์ระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ยืดเยื้อและกลายเป็นความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับชาติตะวันตก รวมถึงผลประกอบการที่น่าผิดหวังของ Target ขณะที่นักลงทุนรอผลการดำเนินงานของ Nvidia ซึ่งจะบ่งชี้แนวโน้มชิปปัญญาประดิษฐ์(AI) และกำหนดทิศทางของตลาด

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 5,917.11 จุด เพิ่มขึ้น 0.13 จุด, +0.002%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 18,966.14 จุด ลดลง 21.33 จุด, -0.11%

ทั้งสามดัชนีหลักฟื้นตัวกลับมาในช่วงท้ายตลาด จากที่ร่วงลงมากในระหว่างวัน โดย Nasdaq ลดลงกว่า 1% ในการซื้อขายช่วงเช้า จากรายงานที่ระบุว่ายูเครนยิงขีปนาวุธ Storm Shadow ขีปนาวุธร่อนพิสัยไกลที่ผลิตโดยอังกฤษ เข้าไปในดินแดนรัสเซีย หลังเมื่อวันอังคาร ยูเครนยิงขีปนาวุธ ATACMS ที่ผลิตโดยสหรัฐฯ ไปยังรัสเซีย จนรัสเซียประกาศลดเกณฑ์ขั้นต่ำสำหรับปฏิบัติการทางนิวเคลียร์แล้ว

ไรอัน เดทริค หัวหน้านักกลยุทธ์การตลาดของ Carson Group กล่าวว่า ความกระวนกระวายต่อผลการดำเนินงานของ Nvidia และความตึงเครียดทางการเมืองที่เพิ่มขึ้นกำลังสร้างความกังวลให้กับนักลงทุน

ดัชนี CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนเพิ่มขึ้นมาที่ 18.79 จุดในระหว่างวัน ก่อนที่จะชะลอตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 17.24 จุด แต่ก็ยังเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 5 พฤศจิกายนที่มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ

หุ้น Nvidiaปิดลบ 0.8% ก่อนที่บริษัทจะแจ้งผลประกอบการหลังตลาดปิดทำการ โดยนักลงทุนจับตาผลประกอบการของบริษัทเพื่อประเมินอุปสงค์ชิป AI รุ่น Blackwell

ผลการดำเนินงานของ Nvidia อาจมีความสำคัญมากกว่าข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญบางชุดเมื่อดูจากมูลค่าตลาดที่ 3.6 ล้านล้านดอลลาร์ซึ่งจะกำหนดทิศทางของตลาดในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ได้

คริส เซนเยค จาก Wolfe Research ระบุในบทวิเคราะห์ว่า คาดว่ากระแสข่าวเชิงลบหรือแนวโน้มการใช้จ่ายที่น่าผิดหวังเป็นหนึ่งในความเสี่ยงสำคัญที่อาจชะลอหรือทำให้ราคาที่ปรับขึ้นจนทำลายสถิติพลิกผันในช่วงสิ้นปีได้

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่อื่นๆมีทิศทางที่ต่างกัน โดย Microsoft, Tesla และ Alphabet ปรับตัวลง แต่ Apple และ Meta Platforms (META) ขยับขึ้นเล็กน้อย
ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากผลประกอบการที่น่าผิดหวังของ Target บริษัทค้าปลีกรายหใหญ่ หลังรายงานผลขาดทุนที่มากที่สุดในรอบสองปี และปรับลดคาดการณ์ทั้งปีลงเนื่องจากอุปสงค์อ่อนตัวลงและแรงกดดันด้านต้นทุน ราคาหุ้นปิดร่วงลง 21%

ความผิดหวังผลประกอบการของ Target กดดันหุ้นค้าปลีกใหญ่รายหลักอื่นๆ โดย SPDR S&P Retail ETF ลดลงเกือบ 1% หุ้น Dollar Tree ลดลง 2.6% หุ้น Dollar General ลดลง 4.2% Five Below ลดลง 1.7% หุ้น Amazon ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซลดลงเกือบ 1%

สำหรับปัจจัยอื่นๆเมื่อวานนี้เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)สองรายได้ออกมาให้ความเห็น โดยนางมิเชล โบว์แมน หนึ่งในคณะผู้ว่าการเฟด กล่าวว่า ความคืบหน้าในการนำอัตราเงินเฟ้อกลับมาสู่เป้าหมายของธนาคารกลางได้ชะลอตัวลง และมองว่ามีความเสี่ยงมากขึ้นในด้านเสถียรภาพด้านราคา โดยเฉพาะในขณะที่ตลาดแรงงานยังคงใกล้มีการจ้างงานเต็มที่ แต่ก็โอกาสเช่นกันที่อาจเห็นว่าสภาวะตลาดแรงงานถดถอยลง

นางลิซา คุก ผู้ว่าการเฟดอีกราย กล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อยังคงผ่อนคลายลงอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่งแม้มีสัญญาณของความอ่อนแอในช่วงนี้ก็ตาม ด้วยเหตุนี้ จึงคาดว่าเฟดจะยังปรับลดอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานต่ออีก แม้ว่าแนวโน้มจะไม่แน่นอนก็ตาม

ตลาดยุโรปปิดลบหลังจากการซื้อขายที่ผันผวน เนื่องจากนักลงทุนยังคงตกระมัดระวังท่ามกลางความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างยูเครนและรัสเซีย ซึ่งยังคงครอบงำตลาด

ยูเครนยิงขีปนาวุธ Storm Shadow ที่ผลิตโดยอังกฤษเข้าไปในรัสเซียเมื่อวันพุธ ภายในหนึ่งวันหลังจากที่ยูเครนยิงขีปนาวุธ ATACMS ของสหรัฐฯ ส่งผลให้รัสเซียลดเกณฑ์ขั้นต่ำสำหรับการโจมตีด้วยนิวเคลียร์ และรอยเตอร์รายงานว่าประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินแห่งรัสเซียเปิดกว้างเพื่อหารือเกี่ยวกับข้อตกลงหยุดยิงในยูเครนกับโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ โดยมีเงื่อนไขว่าไม่ครอบคลุมการแบ่งพื้นที่ภูมิภาคหลัก และยูเครนต้องยกเลิกแผนที่จะเข้าร่วมกับนาโต

กลุ่มรถยนต์นำการปรับลง โดยลดลง 1.2%.

หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่มีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยฉุดดัชนีลงมากที่สุด โดยลดลง 0.7%

การเพิ่มขึ้น 17.8% ของกลุ่ม Sage หลังจากประกาศผลกำไรจากการดำเนินงานประจำปีที่ดีกว่าคาด และซื้อหุ้นคืนมูลค่า 400 ล้านปอนด์ ช่วยหนุนดัชนีกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่นักลงทุนรอการรายงานผลประกอบการของ Nvidia ซึ่งถูกมองว่าเป็นตัวบ่งชี้ทิศทางการใช้ AI

ธนาคารกลางยุโรป(ECB) เตือนเกี่ยวกับภาวะฟองสบู่แตกในหุ้นที่เกี่ยวข้องกับ AI หากผลการดำเนินงานไม่เป็นไปตามความคาดหวังของนักลงทุน

ความสนใจของตลาดยังอยู่ที่การแต่งตั้งคณะบริหารของโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงการหาคนมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง หลังจากตั้งโฮเวิร์ด ลุตนิก เป็นรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ที่มีภารกิจด้านยุทธศาสตร์ด้านการค้าและภาษีศุลกากรของทรัมป์

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 500.49 จุด ลดลง 0.11 จุด, -0.022%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,085.07 จุด ลดลง 13.95 จุด, -0.17%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,198.45 จุด ลดลง 31.19 จุด, -0.43
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 19,004.78 จุด ลดลง 55.53 จุด, -0.29%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 52 เซนต์ หรือ 0.75% ปิดที่ 68.87 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนมกราคม ลดลง 50 เซนต์ หรือ 0.68% ปิดที่ 72.81 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 

 
———————————————————————————————————————————————————–