SNPS เคาะขาย IPO 4.20 บาท/หุ้น จองซื้อ 21-22, 25 พ.ย.เทรด 29 พ.ย.

HoonSmart.com>>“สเปเชี่ยลตี้ เนเชอรัล โปรดักส์” (SNPS) เคาะราคาขาย IPO ที่ 4.20 บาท/หุ้น  P/E ที่ 31.38 เท่า เสนอขาย 105 ล้านหุ้น 21-22, 25 พ.ย.นี้ คาดนำหุ้นเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) 29 พ.ย. ตอกย้ำการเป็นผู้นำธุรกิจสมุนไพรแบบครบวงจร เล็งระดมทุนสร้างโอกาสการขับเคลื่อนทางธุรกิจ  เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน ผู้ถือหุ้นเดิมทั้งหมดไม่ขายหุ้นในตลาด เป็นเวลา 12 เดือน

นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นเพิ่มทุนของ บริษัท สเปเชี่ยลตี้ เนเชอรัล โปรดักส์ (SNPS) เปิดเผยว่า SNPS เตรียมเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 105 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท คิดเป็น  25.93% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ ที่ราคา 4.20 บาทต่อหุ้น กำหนดวันจองซื้อหุ้นระหว่างวันที่ 21-22 และ 25 พ.ย. 67 โดยคาดว่าจะเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(SET) หมวดของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์ (PERSON) ในวันที่ 29 พ.ย. 2567


การเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ บริษัทฯ ได้แต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นพร้อมผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายอีก 5 แห่ง ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง , บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก, บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด, บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) และ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย)

สำหรับการกำหนดราคา IPO ดังกล่าว ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐาน และสอดคล้องกับสภาวะของตลาดในปัจจุบัน ราคา IPO ที่ 4.20 บาท คิดเป็นอัตราส่วนราคาหุ้นกำไรสุทธิ หรือ P/E ที่ 31.38 เท่า โดยคำนวณจากผลการดำเนินงาน 4 ไตรมาสย้อนหลัง และ P/E อยู่ในระดับใกล้เคียงกับบริษัทที่ทำธุรกิจเดียวกันที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯที่มี P/E อยู่ระหว่าง 42 -118 เท่า

อย่างไรก็ตาม จุดแข็งที่แตกต่าง คือ SNPS ถือเป็นหนึ่งในผู้นำในธุรกิจสารสกัดสมุนไพรมาตรฐานในประเทศไทยที่ดำเนินธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ โดย SNPS ให้ความสำคัญอย่างมากในการวิจัยและพัฒนาโดยการนำภูมิปัญญาท้องถิ่นมาผสมผสานกับวิทยาศาสตร์ และนวัตกรรมสมัยใหม่เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์และความแตกต่าง เมื่อผนวกกับเทรนด์การดูแลรักษาสุขภาพดีอย่างยั่งยืนโดยหันมาใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคทั่วโลกให้ความสำคัญ ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรกลายเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวาง นอกจากนี้ ภาครัฐยังผลักดันและให้การสนับสนุนการพัฒนาสมุนไพรไทยภายใต้แผนปฏิบัติการด้านสมุนไพรแห่งชาติเพื่อช่วยผลักดันให้สมุนไพรไทยเป็นที่ยอมรับระดับสากล ปัจจัยดังกล่าวจะเป็นแรงสนับสนุนให้ SNPS มีศักยภาพในการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน

นอกจากนี้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน ผู้ถือหุ้นเดิมทั้งหมด ประกอบด้วย รศ.ดร.พรรณวิภา กฤษฎาพงษ์ ดร. ธีรญา กฤษฎาพงษ์และบริษัท สเปเชี่ยลตี้ เนเชอรัล อินโนเวชั่น  ยังได้สมัครใจทำข้อตกลงไม่จำหน่ายหุ้นในส่วนที่เหลือจากการติด Silent Period ตามข้อบังคับของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็นเวลา 12 เดือน นับตั้งแต่วันที่เริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ดังนั้น ในวันที่หุ้น SNPS เข้าซื้อขายเป็นวันแรกจะมีหุ้นที่ซื้อขายในตลาดได้ทั้งสิ้น 105 ล้านหุ้น ซึ่งเท่ากับจำนวนหุ้น IPO ที่เสนอขายในครั้งนี้เท่านั้น

ดร.ธีรญา กฤษฎาพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SNPS กล่าวว่า การเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ครั้งนี้ถือเป็นอีกก้าวที่สำคัญของ SNPS ในการเพิ่มศักยภาพการเติบโตให้กับบริษัทฯ โดยเตรียมนำเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ จำนวน 441 ล้านบาท ไปลงทุนในเทคโนโลยีการสกัดขั้นสูง Phytoextraction Technology จำนวน 80-100 ล้านบาท และลงทุนในการวิจัย พัฒนา และผลิตผลิตภัณฑ์ยาพัฒนาจากสมุนไพร อาหารทางการแพทย์หรืออาหารที่มีวัตถุประสงค์พิเศษ เพื่อเพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้บริโภคที่ต้องการผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติเพื่อบรรเทาอาการต่างๆ เช่น ลดน้ำตาลในเลือด ปรับสมดุลการย่อยอาหาร สร้างภูมิคุ้มกัน บรรเทาอาการคลื่นไส้วิงเวียน เป็นต้น จำนวน 45-70 ล้านบาท ชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินจำนวน 130 ล้านบาท และเงินส่วนที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน

กลยุทธ์ในช่วงต่อจากนี้ SNPS จะมุ่งเน้นการเติบโตไปในตลาดใหม่ๆ ที่ต้องการผลิตสินค้าที่ใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติที่มีศักยภาพในการเติบโต ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมอาหารสัตว์และสัตว์เลี้ยง อุตสาหกรรมอาหารจากแนวโน้มของผู้บริโภคที่ใส่ใจดูแลรักษาสุขภาพ รวมถึงการขยายตลาดไปยังต่างประเทศ ซึ่งถือเป็นเป้าหมายที่สำคัญของบริษัทฯ นอกจากนี้ บริษัทฯ จะยังมุ่งเน้นการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ซึ่งเป็นโครงการที่บริษัทฯ จะนำเงินที่ได้จาก IPO ไปลงทุนทั้งในส่วนของสารสกัดที่มีความเข้มข้นและความบริสุทธิ์มากขึ้นจากการใช้เทคโนโลยีการสกัดขั้นสูง Phytoextraction Technology ซึ่งเป็นสารสกัดระดับพรีเมี่ยมเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าต่างประเทศ และการการพัฒนาและผลิตยาพัฒนาจากสมุนไพรเพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ผู้บริโภคที่ต้องการผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติเพื่อบรรเทาอาการต่างๆ เช่น ลดน้ำตาลในเลือด ปรับสมดุลการย่อยอาหาร สร้างภูมิคุ้มกัน บรรเทาอาการคลื่นไส้วิงเวียน เป็นต้น ซึ่งถือเป็น New S-Curve ที่สำคัญของบริษัทฯ ในอนาคต

ขณะที่ผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนแรกปี 2567 บริษัทมีรายได้รวม 351.83 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.07% จากงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า มีกำไรสุทธิ 51.61 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ  14.67%

———————————————————————————————————————————————————–