อินโนเวสท์ฯแนะจับตา 6 กลุ่มธุรกิจ สงครามยืดเยื้อหนุนราคาน้ำมันพุ่ง

HoonSmart.com>>อินโนเวสท์ เอกซ์ แนะจับตา 6 กลุ่มธุรกิจไทยที่จะได้รับผลกระทบจากสงครามอิสราเอลหากเกิดความยืดเยื้อ ถ้าจบเร็วเศรษฐกิจไทยไปต่อไตรมาส 4 เหตุมูลค่าการค้าระหว่างกันยังน้อย หวั่นมีคู่สงครามเพิ่มกระทบปริมาณน้ำมันในตลาด ชี้การเพิ่ม/ลดกำลังการผลิต 1 ล้านบาร์เรลต่อวันทำราคาขึ้น/ลง 10 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ส่งผลต่อจีดีพีไทยลด 0.08% เงินเฟ้อเพิ่ม 0.05% ห่วงอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์โลกกระทบ ระยะสั้นแนะเก็งกำไรหุ้น PTTEP, BCP ผลจากราคาน้ำมัน ค่าการกลั่นเพิ่มขึ้น

สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน ร่วมกับ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมกันจัดงาน “เจาะผลกระทบเศรษฐกิจและกลยุทธ์ลงทุนกลางสงครามอิสราเอล” โดยมี นายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ นายปิยศักดิ์ มานะสันต์ ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิจัย บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ มาวิเคราะห์ผลกระทบดังนี้

สงครามในอิสราเอลและกลุ่มฮามาส ส่งผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจของประเทศไทยจำกัด คาดจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจของประเทศไทยไม่มากนัก โดยเดือนม.ค.-ส.ค.2566 ประเทศไทยมีการค้ากับประเทศอิสราเอล (คู่ค้าอันดับ 40 ของไทย) มูลค่า 856.84 ล้านเหรียญสหรัฐ (+1.1% YOY คิดเป็นเพียง 0.22% ของการค้าทั้งหมด

ประเทศไทยมีมูลค่าส่งออกไปประเทศอิสราเอลราว 545 .69 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 0.29% ของการส่งออกไทยทั่วโลก โดยสินค้าที่ไทยส่งออกไปอิสราเอลมากสุด ได้เแก่ รถยนต์และส่วนประกอบ อาหารทะเลกระป๋อง อัญมณีและเครื่องประดับ ด้านมูลค่านำเข้าจากประเทศอิสราเอลราว 311.15 ล้านเหรียญสหรัฐคิดเป็น 0.16%. ของการนำเข้าจากทั่วใลก โดยสินค้านำเข้าสำคัญได้แก่ เพชรพลอยอัญมณี ปุ๋ย และเครื่องจักรไฟฟ้า

ส่วนผลกระทบจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นต่อ เงินเฟ้อ ดอกเบี้ย จากการทำการวิเคราะห์ความอ่อนไหว (Senstivity Analyais) โดยใช้สมมุติฐาน หากให้ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น 10 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลจากกรณีฐานจะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวชะลอลง -0.1%. งินเฟ้อสหรัฐเพิ่ม +0.8% ขณะที่ดอกเบี้ย ขึ้นอยู่กับสถานการณ์เศรษฐกิจและเงินเฟ้อ

ขณะที่ เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวชะลอลง -0.08% เงินเฟ้อไทยเพิ่ม +0.5% ขณะที่ดอกเบี้ย ขึ้นอยู่กับสถานการณ์เครษฐกิจและเงินเฟ้อ

ในกรณีเลวร้าย โดยตั้งสมมุติฐานว่าอิหร่านมีส่วนจะทำให้เกิดความขัดแย้งครั้งนี้ ทำให้สหรัฐกลับไปคว่ำบาตรเศรษฐกิจอิหร่านอีกครั้ง ทำให้อิหร่านผลิต/ส่งออกน้ำมันดิบลดลง 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน และทำให้ราคาน้ำมันปรับสูงขึ้น 10 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล (จากกรณีฐาน) ด้วยสมมติฐานดังกล่าว ทำให้ราคาน้ำมันจะสูงกว่ากรณีฐานตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ปี 2566 จนตลอดปี 2567 ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐหดตัวเล็กน้อย เงินเฟ้อสูงขึ้น และ Fed ลดดอกเบี้ยได้น้อยกว่ากรณีฐาน ส่วนเศรษฐกิจไทย จะขยายตัวได้ลดลง

ทั้งนี้ สงครามอิสราเอลส่งผลกระทบต่อคนไทยที่ทำงานที่อิสราเอลจำนวนมาก ในขณะที่ผลกระทบต่อเศรษฐกิจในไตรมาส 4 ที่ช่วงแรกคาดว่าการลงทุนในปลายปีจะดีขึ้น แต่ถูกซ้ำเติมจากสถานการณ์ดังกล่าว เพราะมีผู้เสียชีวิตจำนวนมากเป็นสงครามที่มีความรุนแรงสูงมาก ส่งผลกระทบสูงในบริเวณที่เกิดสงครามและรอบๆ ข้าง โดยเฉพาะที่กาซ่าที่ถูกโจมตีและเริ่มขยายผลไปยังธุรกิจอื่นๆ ในพื้นที่อื่นๆ ที่ไม่ถูกโจมตี ทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ ซึ่งสนามบินบางแห่งเริ่มหยุด สายการบินยกเลิกเที่ยวบิน ธุรกิจขนส่งทางน้ำ ทางบกเริ่มชะลอ ขณะที่บริษัทที่ตั้งอยู่ในเมืองเทลอาวีฟ ศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ ที่มีบริษัทการเงิน ตลาดหุ้น สตาร์ทอัพ ศูนย์การค้า เริ่มให้พนักงานหยุดทำงาน บริษัทเฟดเอ็กซ์ หยุดให้บริการที่อิสราเอลแล้ว

สำหรับ ผลกระทบกับไทยนั้นมองว่ายังไม่กระทบโดยตรงแต่จะกระทบทางจิตวิทยา จะมีกลุ่มพลังงานที่กระทบโดยตรง โดยบริษัทที่ทำธุรกิจน้ำมันจะได้รับผลบวกจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ส่วนกลุ่มไฟฟ้าจะได้รับผลลบเพราะต้นทุนน้ำมัน และแก๊ส จะเพิ่มขึ้น แต่ยังไม่ปรับราคาขายเพราะเป็นเวลาสั้นๆ กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ไม่กระทบโดยตรง แต่จะส่งผลต่อจิตวิทยา ทำให้นักลงทุนไม่มั่นใจ ซึ่งประมาทไม่ได้เพราะสงครามยังไม่จบ

ทั้งนี้ เชื่อว่าผลจำกัดอยู่ในบริเวณนั้น ถ้าไม่มีประเทศอื่นเข้าไปเกี่ยวข้องเพิ่ม ผลโดยรวมจะไม่ร้ายแรง แต่ถ้ามีคนเกี่ยวข้องเพิ่มจะทำให้เศรษฐกิจไตรมาส 4 ของไทยแย่ลงไปได้ เพราะจะมีผลต่อจิตวิทยา

หากสถานการณ์ยืดเยื้อ/ขยายวงกว้าง คาดจะมีผลกระทบต่อกลุ่มอุตสาหกรรรมไทย ดังนี้

1) ผลต่อกลุ่มน้ำมัน :เชิงพื้นฐานระยะสั้นมองไปกระทบอย่างมีนัยฯ เนื่องจากไม่มีแหล่งผลิตน้ำมันขนาดใหญ่ในบริเวณดังกล่าว แต่ต้องติดตามหากมีความเชื่อมโยงไปสู่พันรมิตรอื่นที่เป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะอิหร่าน แม้ยังคงถูกคว่ำบาตรโดยสหรัฐ แต่การผลิตน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ใน ส.ค. 2565 อยู่ที่ 2.5 ล้านบาร์เรลต่อเดือน เพิ่มเป็น 3.1 ล้านบาร์เรลต่อเดือน ในเดือน ส.ค. 2566 (ส่วนหนึ่งอาจเป็นความผ่อนคลายจากการเจรจาที่มากขึ้น และเพื่อเป็นการบรรเทาผลกระทบจากการคว่ำบาตรน้ำมันส่งออกจากรัสเซีย) ความตึงเครียดที่เกิดขึ้นทำให้การผลิตของอิหร่านอาจมี Downside และหนุนราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นได้ โดยทุกๆ 1 ล้านบาร์เรลที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงจะส่งผลต่อราคาน้ำมัน 10 เหรียญต่อบาร์เรล ส่งผลให้ตลาดกลับมากังวลภาวะเงินเฟ้อสูงและการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้ง ขณะที่เงินทุนจะไหลไปหาสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำแทน

2) ผลต่อกลุ่มโรงไฟฟ้า: ราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น อาจหนุนให้ราคาก๊าซฯ ปรับขึ้นในทิศทางเดียวกัน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อต้นทุนของหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP เพิ่มขึ้น

3) ผลต่อกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ :ช่วงสั้นเชิงพื้นฐานไม่กระทบอย่างมีนัย แต่เนื่องจากอิสราเอลถือเป็นประเทศที่มีนวัตกรรมเป็นอันดับ 2 ของโลก โดยเป็นที่ตั้งของบริษัทเทคข้ามชาติ อาทิ Intel ,Microsot,Apple และ Google อีกทั้งยังมีจำนวนบริษัทสตาร์ทอัพที่ใหญ่ที่สุดในโลก รวมทั้งนับเป็นผู้ผลิตด้านเซมิคอนดักตอร์รายใหญ่เห่งหนึ่งของโลก ทำให้ตลาดอาจกังวลปัญหาห่วงโซ่อุปทานของเซมิคอนดักเตอร์ หากสถานการณ์ยืดเยื้อ จะส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของหุ้นกลุ่มมอิล็กทรอนิกส์ได้ ดังนั้นจึงต้องติดตามต่อไปอย่างใกล้ชิด

4) ผลต่อกลุ่มโรงพยาบาล : ช่วงสั้นเชิงพื้นฐานมองไม่กระทบอย่างมีนัยฯ เพราะอิสราเอลไม่ใช่ผู้ป่วยต่างชาติหลักของ รพ. เอกชนในไทย อย่างไรก็ดี หาก สถานการณ์ยืดเยื้ออาจจะทำให้เกิดความกังวลต่อการเดินทางของผู้ป่วยจากกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ซึ่งถือเป็นงานผู้ป่วยต่างชาติหลักคิดเป็นราว 25-30% ของรายได้ (หลักคือ กาตาร์ คูเวต อาหรับเอมิเรตส์) 7% ของรายได้ BCH หลักๆ คือ คูเวต คิดเป็น 35% ของรายได้ BDMS (หลักๆ คือ สหรัฐ อาหรับเอมิเรตส์)

5) ผลต่อกลุ่มท่องเที่ยว : ช่วงสั้นเชิงพื้นฐานมองไม่กระทบอย่างมีนัยฯ โดยจำนวนนักท่องเที่ยวจากอิสราเอลเฉลี่ยอยู่ที่ 2 หมื่นคนต่อเดือน หรือคิดเป็น 0.9% ของจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมดใน 8 เดือนแรกของปี 2566 อย่างไรก็ดี หากสถานการณ์ยืดเยื้ออาจจะกระทบต่อการเดินทางของนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคใกล้เคียง เช่น กลุ่มประเทศ ตะวันออกกลาง โดยจํานวนนักท่องเที่ยวจากกลุ่มประเทศตะวันออกกลางเฉลี่ยอยู่ที่ 5.1 หมื่นคนต่อเดือน หรือคิดเป็น 2.3% ของจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมดในช่วง 8 เดือนของปี 2566

6) ผลต่อกลุ่มยานยนต์ : ช่วงสั้นเชิงพื้นฐานมองไม่กระทบอย่างมีนัยฯ โดยอิสราเอลคิดเป็นเพียง 0.5% ของการส่งออกรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบของไทยใน 2565 (อันดับ 31) อย่างไรก็ดี หากสถานการณ์ยืดเยื้ออาจจะกระทบต่อการส่งออกรถยนต์ไปยังภูมิภาคใกล้เคียง เช่น กลุ่มประเทศตะวันออกกลางได้ซึ่ง คิดเป็นราว 18% ของการส่งออกรถยนต์ของประเทศไทย หลักๆ คือ การส่งออกรถกระบะ

สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้นแนะนำก็งกำไรในหุ้นพลังงาน ซึ่งคาดได้อานิสงส์จากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น เลือก PTTEP (ได้ประโยชน์โดยตรงจากราคาน้ำมัน) และ BCP (ผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2566 ดี ตามค่าการกลั่นและการเติบโต ผ่านการเข้าซื้อ ESSO) สำหรับผู้ที่ไม่ชอบความเสี่ยงอาจพิจารณารอสะสมเมื่อราคาน้ำมันอ่อนตัวเข้าใกล้ 80 เหรียญต่อบาร์เรล