HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นสหรัฐฯทั้ง 3 ดัชนีหลักปิดบวกต่อเนื่องหลัง “ทรัมป์” คว้าชัยชนะเลือกตั้ง ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 304 จุด แรงซื้อหุ้นคาดได้รับผลดีจากมาตรการการคลัง ด้าน “ราคาน้ำมันดิบ” ปรับตัวลดลง ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดบวก
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 11 พฤศจิกายน ปิดที่ 44,293.13 จุด เพิ่มขึ้น 304.14 จุด หรือ +0.69% เป็นการปิดที่เหนือ ระดับ 44,000 จุดเป็นครั้งแรก จากการปรับขึ้นต่อเนื่องหลังการคว้าชัยชนะของโดนัลด์ ทรัมป์จากพรรครีพับลิกันในการเลือกตั้งประธานาธิบดี นำโดยหุ้นที่คาดว่าจะได้รับดีจากมาตรการการคลังของทรัมป์
ดัชนี S&P 500 ปิดที่ ที่ 6,001.35 จุด เพิ่มขึ้น 5.81 จุด, +0.10%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,298.76 จุด เพิ่มขึ้น 11.99 จุด, +0.06%
หุ้น Tesla ปรับขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 5 โดยพุ่งขึ้น 9% ส่งผลให้มูลค่าตลาดทะลุ 1.1 ล้านล้านดลอลาร์ จากความคาดหวังว่าบริษัทจะได้ประโยชน์จากความสัมพันธ์ใกล้ชิดของซีอีโอ อีเลอน มัสก์ กับ ทรัมป์ และหุ้นอีกหลายตัวยังปรับขึ้นนับตั้งแต่ทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง เนื่องจากนักลงทุนคาดหวังว่าจะได้รับประโยชน์จากการกลับมาทำเนียบขาวของทรัมป์
การซื้อขาย แบบ Trump trade ยังโดดเด่นในตลาด ขณะเดียวกัน bitcoin ปรับสูงขึ้นไปที่ใกล้ระดับ 87,000 ดอลลาร์ โดยได้แรงหนุนจากความหวังที่จะยกผ่อนคลายกฎระเบียบเช่นกัน หุ้นคริปโทอื่น ทั้งหุ้น Coinbase และหุ้น Mara Holdings เพิ่มขึ้น 20% และ 30% ตามลำดับ
หุ้น JPMorgan Chase และหุ้น Goldman Sachs เพิ่มขึ้น 1% และ 2.2% ตามลำดับ ส่งผลให้ดาวโจนส์พุ่งสูงขึ้น หุ้น Bank of America และหุ้น Citigroup ต่างเพิ่มขึ้นราว 2% หุ้นในกลุ่มเดียวกันก็ปรับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนับตั้งแต่ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เนื่องจากนักลงทุนหวังว่าการกลับมาทำเนียบขาวของเขาอาจนำไปสู่การผ่อนคลายการกำกับดูแลภาคธนาคาร ส่วนในกลุ่มอื่น หุ้น GameStop เพิ่มขึ้น 10%
แต่หุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ ทั้ง Apple ลดลงเกือบ 2% หุ้น Microsoft และ หุ้น Amazon ต่างลดลงราว 1% ในแต่ละครั้ง ส่วนหุ้นเล็กปรับขึ้นจากความคาดหวังว่าทรัปม์จะลดภาษีและผ่อนคลายกฎระเบียบ โดยดัชนี Russell 2000 เพิ่มขึ้น 1.47%
ลิซา ชาเลตต์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของ Morgan Stanley Wealth ระบุในบันทึกเมื่อวันจันทร์ว่า ชัยชนะอย่างเด็ดขาดของพรรครีพับลิกันทำให้มีความกล้ามากขึ้น แม้ได้คาดหวังอยู่แล้วก็ตาม และเป็นการปรับขึ้นจากอารมณ์และสภาพคล่องมากกว่า ไม่ใช่จากปัจจัยพื้นฐานภายใต้สถานการณ์ที่เงินเฟ้อกลับมาใหม่และเศรษฐกิจไปต่อ(no-landing)
นักลงทุนจับตาข้อมูลอัตราเงินเฟ้อของราคาผู้บริโภคที่จะเผยแพร่ในวันพุธ และข้อมูลสำคัญอื่นๆ จำนวนมากในสัปดาห์นี้ เพื่อหาสัญญาณเกี่ยวกับเศรษฐกิจและแนวโน้มนโยบายการเงิน
ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา และเครื่องมือ FedWatch ของ CME บ่งชี้ว่าผู้ค้ามองว่ามีโอกาส 65% ที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25%ในการประชุมเดือนธันวาคม
ซีมา ชาห์ หัวหน้านักยุทธศาสตร์ระดับโลกของ Principal Asset Management เตือนว่าเนื่องจากผู้กำหนดนโยบายระมัดระวังอยู่แล้วเกี่ยวกับความเสี่ยงที่แรงกดดันด้านราคาจะกลับมา โดยเฉพาะท่ามกลางความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจสหรัฐฯ เฟดจึงจำเป็นต้องดำเนินไปตามเส้นทางที่ระมัดระวัง”
ตลาดยุโรปปิดบวกและปรับขึ้นดีที่สุดในรอบ 6 สัปดาห์ โดยหุ้นกลาโหมนำการปรับขึ้นจากแนวโน้มการใช้จ่ายทางการทหารที่สูงขึ้นในยุโรปภายใต้การดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของโดนัลด์ ทรัมป์ ขณะที่นักลงทุนยังรอข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้
หุ้นส่วนใหญ่และตลาดหุ้นในภูมิภาคปิดในแดนบวก
นักลงทุนแห่เข้าลงทุนในหุ้นกลาโหมของยุโรป ทรัมป์เตือนถึงการลดการสนับสนุนทางทหารของสหรัฐฯ สำหรับยูเครน และกดดันให้สมาชิก NATO จ่ายเงิน 2% หรือมากกว่าของ GDP ในการป้องกันประเทศ
หุ้น Leonardo ของอิตาลี หุ้น Hensoldt ของเยอรมนี หุ้น Rheinmetall และหุ้น Renk และ หุ้น Saab ของสวีเดน เพิ่มขึ้น 3.5%-5.8% โดยดัชนีกลุ่มเพิ่มขึ้น 2.6% และทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์
However, the upbeat European market sentiment also likely got a boost from Wall Street’s record-breaking rally.
ความเชื่อมั่นของตลาดยุโรปที่สดใสได้รับแรงหนุนจากการปรับขึ้นที่ทำลายสถิติของตลาดหุ้นสหรัฐฯ
ความสนใจของนักลงทุนอยู่ที่ การเปิดเผยข้อมูลสำคัญทั้งอัตราเงินเฟ้อของยูโรโซน, GDP ในไตรมาสที่สาม และตัวเลขการจ้างงาน ในปลายสัปดาห์นี้ รวมทั้งรายงานการประชุมนโยบายของธนาคารกลางยุโรปในเดือนตุลาคม ที่ได้ลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25%ในวันพฤหัสบดี
นักลงทุนยังจับตาการรายงานเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ เพื่อหาสัญญานเกี่ยวกับการดำเนินการตามนโยบายในอนาคตของธนาคารกลางสหรัฐ เนื่องจากนักวิเคราะห์กล่าวว่าแผนของทรัมป์ในเรื่องภาษีนำเข้า การลดภาษี และการผ่อนคลายกฎระเบียบทำให้ภาวะเงินเฟ้อกลับมาได้ง่าย
ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 512.37 จุด เพิ่มขึ้น 5.74 จุด, +1.13%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,125.19 จุด เพิ่มขึ้น 52.80 จุด, +0.65%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,426.88 จุด เพิ่มขึ้น 88.21 จุด, +1.20%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 19,448.60 จุด เพิ่มขึ้น 233.12 จุด, +1.21%
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนธันวาคมลดลง 2.34 ดอลลาร์ หรือ 3.32% ปิดที่ 68.04 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือน มกราคม ลดลง 2.04 ดอลลาร์ หรือ 2.76% ปิดที่ 71.83 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
———————————————————————————————————————————————————–