AWC กำไร Q3/67 แตะ 1,139 ลบ. งวด 9 เดือนธุรกิจโรงแรมโตแกร่งทุกเซ็กเมนต์

HoonSmart.com>>”แอสเสท เวิรด์ คอร์ป” (AWC) กำไรไตรมาส 3/67 อยู่ที่ 1,139 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.3% กำไรจากการดำเนินงานกลุ่มโรงแรมโต 42% หนุน 9 เดือนกำไรสุทธิ 3,990 ล้านบาท เติบโต 6.5% กำไรจากการดำเนินงานกลุ่มโรงแรมเติบโตแข็งแกร่งทุกเซ็กเมนต์ เปิดตัว ‘EA’ Rooftop at The Empire แลนด์มาร์ก สร้างรายได้อันดับหนึ่งธุรกิจ F&B ของบริษัท เตรียมรับฤดูท่องเที่ยวช่วงปลายปี เปิด “Okura Cruise” กรุงเทพฯ – โรงแรม “Melia Pattaya Aquatique Destination” พัทยา

บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป (AWC) เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2567 กำไรสุทธิ 1,138.78 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.0356 บาท เพิ่มขึ้น 0.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 1,136.01 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.0355 บาท

ส่วนงวด 9 เดือน ปี 2567 กำไรสุทธิ 3,990.52 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.1247 บาท เพิ่มขึ้น 6.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 3,679.78 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.115 บาท

นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป (AWC) ประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ปี 2567 เติบโตต่อเนื่องจากครึ่งปีแรกแข็งแกร่งแม้อยู่นอกฤดูกาลท่องเที่ยว ด้านรายได้รวมและกำไรสุทธิ 9 เดือนตามงบการเงินอยู่ที่ 15,122 ล้านบาท และ 3,991 ล้านบาท ตามลำดับ จากผลการดำเนินงานอันยอดเยี่ยมของกลุ่มธุรกิจโรงแรมที่เติบโตได้ดีในทุกเซ็กเมนต์และสามารถทำกำไรจากการดำเนินงานในไตรมาส 3 ที่ 983 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นถึง 79% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562

โดยโรงแรมกลุ่มประชุมสัมมนา (MICE) และโรงแรมในกรุงเทพฯ มีกลยุทธ์ผลักดันรายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก (RevPAR) ในช่วง 9 เดือนแรกถึง 4,072 บาทต่อห้อง และในไตรมาส 3 เติบโต 16% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า รวมถึงมีค่า RGI Index ของโรงแรมในพอร์ตโฟลิโอสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดอยู่ที่ 105 โดยมีโรงแรมที่มีค่า RGI โดดเด่น อาทิ โรงแรม คอร์ทยาร์ด แมริออท ภูเก็ต ทาวน์ มีค่า RGI เท่ากับ 195 โรงแรม แบงค็อก แมริออท เดอะ สุรวงศ์ มีค่า RGI เท่ากับ 174 และโรงแรมเลอ เมอริเดียน กรุงเทพ ที่มีค่า RGI เท่ากับ 149

นอกจากนี้ รายได้อาหารและเครื่องดื่มของธุรกิจโรงแรมและการบริการเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 13 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าเป็นผลจากกลยุทธ์การบูรณาการจุดแข็งทางธุรกิจของกลุ่มธุรกิจโรงแรมและกลุ่มธุรกิจคอมเมอร์เชียลเข้าด้วยกันเพื่อเสริมสร้างมูลค่าร่วม (Synergy Value) และกลุ่มธุรกิจคอมเมอเชียลยังคงรักษาการเติบโตได้ดีจากการปรับกลยุทธ์การตลาดของศูนย์การค้าและอาคารสำนักงานสู่การเป็น AWC’s Lifestyle Destination ให้รองรับเทรนด์และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า โดยบริษัทเดินหน้าเพิ่มมูลค่าและยกระดับคุณภาพทรัพย์สินอย่างต่อเนื่อง มีทรัพย์สินดำเนินงาน 148,934 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 79% จากปี 2562 และเพิ่มขึ้น 11% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ด้วยกลยุทธ์ผลักดันผลตอบแทน (Yield) ทรัพย์สินดำเนินงานแข็งแกร่งถึง 7.7%

AWC ได้สร้างปรากฏการณ์ระดับโลกเปิดโครงการ ‘EA’ Rooftop at The Empire แลนด์มาร์กใหม่สู่การเป็น Lifestyle Destination หมุดหมายสุดพิเศษของกรุงเพทฯ รองรับนักท่องเที่ยวทั่วโลก โดยหลังเปิดอย่างเป็นทางการตั้งแต่เดือนก.ย. สามารถสร้างรายได้ให้กับธุรกิจ F&B เป็นอันดับหนึ่งของบริษัทฯ ผ่านการรวบรวม Top Cuisine ชั้นนำมาสู่ไลฟ์สไตล์รูฟทอปที่ใหญ่และสูงที่สุดใจกลางกรุงเทพฯ ณ “เอ็มไพร์” ไม่ว่าจะเป็น “Nobu Bangkok” ห้องอาหารโนบุที่สูงที่สุดในโลกโดยเชฟระดับตำนาน เชฟโนบุ มัตสึฮิสะ และ “EA CHEF’S TABLE” เปิดประสบการณ์เชฟเทเบิลจาก 3 เชฟระดับมิชลินสตาร์กับ “Le Du Kaan” ห้องอาหารไทยบนรูฟทอปแห่งแรกของโลกโดยเชฟต้น ธิติฏฐ์ ห้องอาหารจีนร่วมสมัย “K by Vicky Cheng” โดยเชฟวิคกี้ เชง และห้องอาหารอิตาเลียนคลาสสิกร่วมสมัย “Sartoria by Paulo Airaudo” โดยเชฟเปาโล อายราวโด รวมถึง “EA Gallery” แหล่งรวมไลฟ์สไตล์ร้านอาหารชั้นนำไม่ว่าจะเป็นร้าน % Arabica สาขาที่สูงที่สุดในโลก ร้าน 手qraft (คราฟท์) บริการอาหารเช้าสไตล์ตะวันออกร่วมสมัย ร้าน Onggi กับประสบการณ์การทานอาหารแบบเซทต้นตำรับของเกาหลี รวมถึง Invitation Only บาร์ลับบนรูฟทอปกับดนตรีสากลย้อนยุค สู่การเป็นไลฟ์สไตล์เดสติเนชั่นเหนือระดับที่พร้อมสนับสนุนประเทศไทยสู่การเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลก

นอกจากนี้ AWC ยังคงมุ่งมั่นในการลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมภายใต้กรอบการดำเนินงาน Better Planet ผ่านกลยุทธ์ Climate Strategy ที่ครอบคลุม ซึ่งมุ่งเน้นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานอย่างยั่งยืน

“ในช่วงปลายปีนี้และปีหน้า บริษัทเตรียมเปิดโครงการคุณภาพแห่งใหม่ในกรุงเทพฯ และพัทยา ที่จะเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจและเสริมความแข็งแกร่งให้กับพอร์ตโฟลิโอ ด้วยไฮไลต์อันโดดเด่นกับการเปิด “Okura Cruise” เรือเทปันยากิและไคเซกิสุดหรูระดับไฟน์ไดนิ่งลำแรกของโลกโดยโอกุระ ที่จะเปิดให้บริการ ณ ท่าเรือของโครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น และ “Melia Pattaya Aquatique Destination” โรงแรมแห่งใหม่และแห่งแรกในเครือ AWC ในพัทยา ที่พร้อมจะเปิดให้บริการในเดือนธันวาคมนี้ ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลกในการนำประสบการณ์สุดพิเศษระดับเวิร์ดคลาสมาสู่ประเทศไทย ซึ่งจะมีการประกาศเปิดตัวรายละเอียดของความร่วมมืออย่างเป็นทางการในเร็วๆ นี้”