HoonSmart.com>>”ตลาดหุ้นโตเกียว” เช้านี้ปรับตัวลง ท่ามกลางการซื้อขายที่ระมัดระวัง ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มองดอกเบี้ยแตะ 1% ก.ย.ปีหน้า “ตลาดหุ้นเอเชีย” ลบวิตกเศรษฐกิจจีน
ตลาดหุ้นโตเกียวเช้านี้ปรับตัวลง ท่ามกลางการซื้อขายที่ระมัดระวัง ก่อนที่รัฐสภาญี่ปุ่นจะโหวดเลือกนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น ซึ่งกลบปัจจัยบวกจากการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อวันศุกร์
ในกลุ่ม Prime Market กลุ่มที่นำการปรับขึ้นได้แก่ กลุ่มโลหะที่ไม่ใช่เหล็ก กลุ่มคลังสินค้า และกลุ่มบริการด้านการขนส่งที่ท่าเรือ กลุ่มที่ปรับตัวลงได้แก่หุ้นกลุ่มสิ่งทอ และกลุ่มเคมีภัณฑ์
ข้อมูลของกระทรวงการคลังเมื่อวันจันทร์รายงานว่า ญี่ปุ่นการเกินดุลบัญชีเดินสะพัด 15.82 ล้านล้านเยน (103 พันล้านดอลลาร์) ในช่วงครึ่งแรกของปีงบประมาณ 2024 โดยในช่วงเดือนเมษายน-กันยายน การเกินดุลดุลบัญชีเดินสะพัด ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรวัดการค้าระหว่างประเทศที่กว้างที่สุด ขยายตัว 12.3% จากปีก่อนหน้า
ญี่ปุ่นขาดดุลการค้า 2.41 ล้านล้านเยน เพิ่มขึ้น 86.8% โดยการส่งออกเพิ่มขึ้น 5.0% เป็น 52.22 ล้านล้านเยน และการนำเข้าขยายตัว 7.1% เป็น 54.64 ล้านล้านเยน
ในเดือนกันยายนเพียงเดือนเดียว ญี่ปุ่นมีบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 1.72 ล้านล้านเยน
โดยขาดดุลการค้า 315.2 พันล้านเยน เนื่องจากการส่งออกลดลง 4.5% อยู่ที่ 8.70 ล้านล้านเยน ในขณะที่การนำเข้าเพิ่มขึ้น 3.2% อยู่ที่ 9.01 ล้านล้านเยน
เช้าวันนี้มีการเผยแพร่ รายงานการประชุมนโยบายเดือนตุลาคมของธนาคารกลางญี่ปุ่น(BOJ) ที่แสดงให้เห็นว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายอาจสูงถึง 1% อย่างเร็วที่สุดภายในครึ่งหลังของปีงบประมาณ 2025 ซึ่งเริ่มในเดือนกันยายน 2025 หากราคาและเศรษฐกิจของญี่ปุ่นเติบโตในแนวโน้มที่คาดไว้
BOJ กล่าวว่าจำเป็นต้อง “ใช้ความระมัดระวัง” แม้ว่าจะพยายามขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายและปรับนโยบายการเงินให้กลับสู่ภาวะปกติ โดยชี้ว่า “ไม่สามารถตัดสินได้ ณ จุดนี้ว่าตลาดมีเสถียรภาพ”
BOJ ชี้ให้เห็นว่านโยบายการเงินของญี่ปุ่นและธนาคารกลางสหรัฐกำลังเคลื่อนไหวในทิศทางตรงกันข้าม ดังนั้นตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศจึงอาจเห็นความผันผวนอย่างมาก
เงินเยนอ่อนค่าลงหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก่อนที่จะฟื้นตัวมาอยู่ที่ประมาณ 152-153 เมื่อเทียบกับดอลลาร์
เช้าวันนี้เงินดอลลาร์อยู่ที่ 153.35 เยน
ณ เวลา 9.52 น. เวลาในประเทศไทย
ดัชนี Nikkei 225 อยู่ที่ 39,347.79 จุด ลดลง 152.58 จุด , -0.39%
ตลาดหุ้นเอเชียปรับลงแทบทั้งภูมิภาค หลังจากตัวเลขเงินเฟ้อของจีนในเดือนตุลาคมต่ำกว่าที่คาด ส่งผลให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก
ข้อมูล LSEG เผยให้เห็นว่า อัตราเงินเฟ้อของจีนลดลงเหลือ 0.3% ต่ำกว่า 0.4% ที่ตลาดคาดการณ์ และยังต่ำกว่า 0.4% ในเดือนกันยายนอีกด้วย อัตราเงินเฟ้อลดลงเป็นเดือนที่สองติดต่อกันและลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบสี่เดือน
นอกจากนี้นักลงทุนผิดหวัง กับการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติของจีน เพราะคาดหวังว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและยุติวงจรเงินฝืด และโดยเฉพาะหลังจากโดนัลด์ ทรัมป์คว้าชัยชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี ทำให้เกิดความไม่แน่นอนเรื่องภาษีศุลกากรอีกครั้ง
จีนประกาศโครงการ 10 ล้านล้านหยวน (1.4 ล้านล้านดอลลาร์) เพื่อช่วยรัฐบาลท้องถิ่นจัดการกับหนี้ที่ซ่อนอยู่เมื่อวันศุกร์ แต่ไม่ให้มีมาตรการกระตุ้นใหม่เพื่อสนับสนุนการบริโภค
นักเศรษฐศาสตร์หลายรายมองว่า จุดยืนของจีนส่งสัญญาณถึงความตั้งใจที่จะรักษาพื้นที่ไว้เพื่อตอบสนองต่อสงครามการค้าที่อาจเกิดขึ้นเมื่อทรัมป์เข้ารับตำแหน่งในปีหน้า
ข้อมูลของจีนที่เปิดเผยเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเน้นย้ำถึงความเร่งด่วนสำหรับการดำเนินการสนับสนุนการเติบโตให้มากชึ้น โดยการเติบโตของราคาผู้บริโภคยังคงใกล้เคียงกับศูนย์ และราคาหน้าโรงงานยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง UBS ปรับลดการคาดการณ์การเติบโตของจีนในปี 2568 หลังการเลือกตั้งของทรัมป์ โดยคาดว่าจะขยายตัว”ประมาณ 4% ในปี 2568 และลดลงอย่างมาก ในปี 2569
บริษัทในต่างประเทศก็กำลังดึงเงินออกจากจีนเช่นกัน เนื่องจากแนวโน้มการเติบโตแย่ลง การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศลดลงเกือบ 13,000 ล้านดอลลาร์ในช่วง 9 เดือนแรกของปี ซึ่งเป็นสัญญาณว่านักลงทุนบางส่วนยังคงมีมุมมองทางลบ แม้ว่าจีนจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีเป้าหมายเพื่อรักษาเสถียรภาพการเติบโตก็ตาม
ในวันจันทร์ จีนจะเริ่มต้นวันคนโสด ซึ่งเทียบเท่ากับแบล็กฟรายเดย์ ซึ่ง ING ระบุว่าวันคนโสดจะบ่งชึ้ถึงการบริโภคในประเทศจีน
ดัชนี SSE ตลาดหุ้นจีนอยู่ที่ 3,419.64 จุด ลดลง 32.65 จุด, -0.95%
ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงอยู่ที่ 20,168.1 จุด ลดลง 560.09 จุด, -2.7%
ดัชนี Kospi ตลาดหุ้นเกาหลีอยู่ที่ 2,538.07 จุด ลดลง 23.08 จุด, -0.9%
ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันอยู่ 23,379.16 จุด ลดลง 174.73 จุด, -0.74%
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนธันวาคมลดลง 0.41 ดอลลาร์ หรือ 0.58% ซื้อขายที่ 69.97 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนธันวาคมลดลง 0.34 ดอลลาร์ หรือ 0.46% ซื้อขายที่ 73.53 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
———————————————————————————————————————————————————–