HoonSmart.com>> กลุ่มเจมาร์ท 5 บริษัทไตรมาส 3/67 ทำกำไรได้เพียง 777.07 ล้านบาท ร่วงลง -14.53% เจอ JMT รูดลง 7.8% เหลือ 429.91 ล้านบาท หลังตั้งสำรอง 127 ล้านบาท หายไป 23.9% พยุุงสถานการณ์รายได้ลด 1.7% เหลือ 1,285 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายเพิ่ม ฉุดกำไรขั้นต้นลดลง 11.4% คุยไตรมาส 4 จัดเก็บหนี้ด้อยคุณภาพดีสุด ด้านราคาหุ้นวิ่งฉิวแตะ 20 บาท ส่วน JMART มีกำไร 255 ล้านบาท ลดลง 12.86%
กลุ่มเจมาร์ท 5 บริษัทเปิดผลงานไตรมาส 3/2567 มีกำไรรวม 777.07 ล้านบาท ลดลง -14.53%จากช่วงเดียวกันปีก่อนทำได้ 909.15 ล้านบาท ส่วนรวม 9 เดือนปีนี้กำไรทั้งสิ้น 2,382.72 ล้านบาท พลิกจากปีก่อนขาดทุนหนักถึง -4,513.6 ล้านบาท ถือว่าดีขึ้น 152.79% เพราะบริษัทซิงเกอร์ประเทศไทย (SINGER) และบริษัท เอสจี แคปปิตอล (SGC) ไม่ขาดทุนมากกว่า -3,226.76 ล้านบาท และ-2,278.65 ล้านบาทตามลำดับ เหมือนปีที่ผ่านมา
สาเหตุที่ทำให้กลุ่มเจมาร์ทมีกำไรลดลงในไตรมาสที่ 3/2567 เนื่องจากธุรกิจหลักคือบริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส (JMT) มีกำไรสุทธิ 429.91 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.29 บาท ลดลง 7.80% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 466.28 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.32 บาท รวม 9 เดือนปีนี้กำไรทั้งสิ้น 1,215.05 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.83 บาท ก็ลดลง-17.36% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีมีกำไรสุทธิ 1,470.35 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 1.01 บาท
ในไตรมาสที่ 3/2567 JMT มีรายได้รวมลดลง 1.7% เหลือ 1,285.2 ล้านบาท กำไรขั้นต้นลดลง 11.4% เหลือ 812.2 ล้านบาท เพราะต้นทุนการให้บริการเพิ่มขึ้น 29.3% เป็น 418.2 ล้านบาท ขณะที่มีผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) 127 ล้านบาท ลดลง 39.8 ล้านบาท หรือ -23.9% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 166.8 ล้านบาท คงเหลือกำไรจากการดำเนินงาน 490.7 ล้านบาท ลดลง 15.5% จากช่วงเดียวกันปีก่อน
ส่วนกำไรรวม 9 เดือนปีนี้ลดลง 17.4% เนื่องจากผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นที่เพิ่มขึ้น มีสาเหตุจากการจัดเก็บหนี้ด้อยคุณภาพยังไม่ได้ตามเป้าหมาย ทั้งนี้ บริษัทได้ดำเนินการปรับปรุงการติดตามหนี้ด้อยคุณภาพอย่างใกล้ชิด รวมถึงการใช้กระบวนการทางกฎหมาย เพื่อติดตามให้ลูกหนี้กลับมาจ่ายคืนหนี้ภายในปีนี้ นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่ายพนักงานที่เพิ่มขึ้นตามการขยายตัวทางธุรกิจ
ขณะที่มีรายได้รวม 3,947.6 ล้านบาท เติบโต 6.5% ธุรกิจบริหารหนี้ด้อยคุณภาพยังคงเติบโตที่มีสัดส่วน 89.4% ของรายได้รวม และจะเติบโตไปพร้อมกับการจัดเก็บกระแสเงินสด ทั้งนี้มียอดกระแสเงินสดจากการจัดเก็บหนี้ (Cash Collection) กรณีรวมกระแสเงินสดที่จัดเก็บ บริษัทสินทรัพย์ JK เท่ากับ 2,263 ล้านบาท ส่วนของบริษัทจำนวน 1,396 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2/2567ประมาณ 7% งวด 9 เดือน กระแสเงินสดที่จัดเก็บรวมบริษัทสินทรัพย์ JK 6,479 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% เฉพาะของบริษัทเท่ากับ 4,154 ล้านบาท
“บริษัทยังคงตั้งเป้าหมายในการจัดเก็บกระแสเงินสดให้เพิ่มขึ้น ด้วยการติดตามลูกค้าอย่างใกล้ชิด คาดไตรมาส 4 จะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปีนี้ในด้านการจัดเก็บหนี้ด้อยคุณภาพ ส่วนมุมมองอุตสาหกรรมบริหารหนี้ด้อยคุณภาพจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตามภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่แน่นอนและแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของหนี้เสียในระบบการเงิน กำรเติบโตนี้ยังได้รับแรงผลักดันจากการพัฒนาของเทคโนโลยีที่ช่วย
ให้กระบวนการบริหารหนี้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น”
ด้านราคาหุ้น JMT ปรับตัวโดดเด่นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด 8 พ.ย.2567 ปิดที่ 20 บาท บวก 1.30 บาท พุ่งขึ้น 6.95% ด้วยมูลค่าซื้อขายหนาแน่น 972.23 ล้านบาท
สำหรับผลงานของบริษัท เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (JMART) ไตรมาสที่ 3/2567 มีกำไรสุทธิ 255.27 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.174 บาท ลดลง-12.86% จากช่วงเดียวกันปีก่อนกำไรสุทธิ 292.95 ล้านบาทหรือ 0.202 บาท รวม 9 เดือนปีนี้กำไรทั้งสิ้น 830.80 ล้านบาท หรือ 70.571 บาท พลิกจากขาดทุนสุทธิ 613.01 ล้านบาทหรือ -0.421 บาท
สาเหตุที่มีกำไรลดลง มาจากรายได้จากการขายและบริการจำนวน 3,428.8 ล้านบาท ลดลง -100.2 ล้านบาทหรือ -2.8% ส่วนต้นทุนขายและบริการจำนวน 2,355.4 ล้านบาท ลดลง-35.9 ล้านบาทหรือ-1.5%
ทั้งนี้ 9 เดือนปีนี้ บริษัทได้รับส่วนแบ่งกำไรจากการถือหุ้น 30% ในบริษัทบี เอ็น เอ็น เรสเตอรองท์ กรุ๊ป (สุกี้ ตี๋น้อย หรือ Teenoi) จำนวน 267 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.5% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ณวันที่ 30 ก.ย. 2567 Teenoi มีสาขารวมทั้งหมด 73 เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่แล้ว 6 สาขา เพื่อเพิ่มรายได้และกำไร โดยยังคงเปิดสาขาในต่างจังหวัดมากต่อเนื่อง