ดาวโจนส์ปิดบวก 259 จุด ชัยชนะของทรัมป์ยังหนุน

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทั้ง 3 ดัชนีหลักปิดบวก นักลงทุนยังขานรับ “ทรัมป์” การเลือกตั้งประธานาธิบดี คว้าเสียงข้างมากพรรครีพับลิกันในทั้งสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯและวุฒิสภา ด้านราคาน้ำมันดิบลดลง ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป”ปิดลบ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 8พฤศจิกายน ปิดที่ 43,988.99 จุด เพิ่มขึ้น 259.65 จุด หรือ +0.59% นักลงทุนยังขานรับการคว้าชัยชนะของโดนัลด์ ทรัมป์ในการเลือกตั้งประธานาธิบดี รวมทั้งการคว้าเสียงข้างมากของพรรครีพับลิกันในทั้งสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯและวุฒิสภา แม้ผิดหวังกับมาตรการทางการคลังครั้งล่าสุดของจีน

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 5,995.54 จุด เพิ่มขึ้น 22.44 จุด, +0.38%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,286.78 จุด เพิ่มขึ้น 17.32 จุด, +0.09%

ตลาดหุ้นพุ่งขึ้นทำสถิติใหม่อีกครั้งในวันศุกร์ โดยดัชนีดาวโจนส์ ทะลุ 44,000 เป็นครั้งแรกในระหว่างชั่วโมงซื้อขาย ส่วนดัชนี S&P 500 ก็ปรับขึ้นไปซื้อขายเหนือ 6,000 ในช่วงสั้นๆ และ ดัชนี Nasdaq ก็ทำสถิติสูงสุดระหว่างวันเช่นกัน
ในสัปดาห์นี้ทั้งสามดัชนีหลักปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 4.61%. ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 4.66% และเป็นสัปดาห์ที่ดีที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2023 ส่วนดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้นถึง 5.74% และ ปิดที่เหนือระดับ 19,000 ครั้งแรก  ดัชนี Russell 2000 ของหุ้นเล็กบวก  8.4% ในสัปดาห์นี้
หลังการประกาศลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ตามที่คาดไว้ของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ได้หนึ่งวัน ความสนใจก็กลับมาที่ผลที่ตามมาของการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และการประกาศมาตรการการคลังของจีน

นิโคลัส โคลาส ผู้ร่วมก่อตั้ง DataTrek Research LLC กล่าวว่า มีหลายเหตุผลของการซื้อหุ้นสหรัฐฯ ทั้งเฟดกำลังปรับลดอัตราดอกเบี้ย และเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่ง นอกจากนี้ พรรครีพับลิกันไม่เพียงแต่ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีในสัปดาห์นี้ แต่ยังครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาด้วย และอาจคว้าเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่คล้ายกับผลการเลือกตั้งเดือนพฤศจิกายน 2559 ที่ส่งผลให้ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 22% ในปี 2560 นักลงทุนมองว่าฝ่ายบริหารของทรัมป์จะผ่อนคลายกฎระเบียบและลดภาษีที่อาจช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ

กาย มิลเลอร์ หัวหน้านักกลยุทธ์การตลาดของ Zurich Insurance Group กล่าวว่า สิ่งที่จะได้จากการกวาดชัยชนะทั้งหมด คือ อำนาจในยกระดับเศรษฐกิจสหรัฐฯ ดังนั้นภาษีจะลดลง กฎระเบียบจะผ่อนคลายลง  จากนี้จนถึงสิ้นปี หุ้นสหรัฐฯ ก็ถือว่าเป็นแรงส่ง(tailwind)ให้ตลาดสหรัฐฯ

อย่างไรก็ตามมีความกังวลเกี่ยวกับการขาดดุลของรัฐบาลกลางจำนวนมากและการเก็บภาษีนำเข้าที่เพิ่มขึ้นยังทำให้กังวลว่าอัตราเงินเฟ้อจะสูงขึ้น
หุ้น Tesla บริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งซีอีโออีลอน มัสก์ เป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนรายใหญ่ที่สุดของทรัมป์ ในช่วงสุดท้ายของการหาเสียงเลือกตั้งใหม่ของเขา พุ่งขึ้น 8.2% ส่งผลให้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของบริษัทแตะ 1 ล้านล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2022

หุ้น Trump Media พุ่ง 15% หลังทรัมป์กล่าวว่าไม่มีแผนขายหุ้นที่ถือในบริษัท

หุ้นบริษัทจีนที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ ปรับตัวลง เนื่องจากนักลงทุนมองว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนไม่ได้อัดฉีดเม็ดเงินโดยตรงเข้าสู่เศรษฐกิจที่กำลังมีปัญหา

เมื่อวันศุกร์ จีนประกาศว่ารัฐบาลกลางจะจัดสรรเงินเพิ่มเติม 6 ล้านล้านหยวน (840 พันล้านดอลลาร์) ให้กับรัฐบาลท้องถิ่นเพื่อจัดการกับปัญหาหนี้ที่ซ่อนอยู่

นักวิเคราะห์บางส่วนมองว่า จีนอาจไม่ต้องการใช้มาตรการทางการเงินทั้งหมดก่อนที่ทรัมป์จะเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในเดือนมกราคม

มหาวิทยาลัยมิชิแกนเผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯเดือนพฤศจิกายนว่าเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกันมาที่ 73 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน และดีกว่า 71 ที่นักวิเคราะห์คาด จาก 70.5 ในเดือนตุลาคม
 
 
ตลาดยุโรปปิดลบ นักลงทุนผิดหวังกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน และยังมีความกังวลเกี่ยวกับการเก็บภาษีศุลกากรภายใต้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ว่าจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ

ดัชนี STOXX 600 ลดลงเป็นสัปดาห์ที่สามติดต่อกัน โดยกลุ่มที่มีธุรกิจในจีน เช่น กลุ่มเหมืองแร่ กลุ่มสินค้าหรู ต่างลดลงกว่า 3% กลุ่มอื่นๆที่เป็น defensive sector เช่น กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และการดูแลสุขภาพก็ลดลงเช่นกัน

จีนประกาศแพ็คเกจ 10 ล้านล้านหยวน (1.40 ล้านล้านดอลลาร์) เมื่อวันศุกร์เพื่อให้รัฐบาลท้องถิ่นแก้ไขปัญหาหนี้  ทำให้นักลงทุนที่คาดหวังมาตรการทางการคลังชุดใหญ่พากันผิดหวัง และราคาโลหะปรับตัวลดลง ส่งผลต่อหุ้นเหมืองแร่ทั้ง Rio Tinto และ Glencore

ในกลุ่มสินค้าหรู หุ้น Richemont เจ้าของแบรนด์เครื่องประดับ Cartier ลดลง 6.6% หลัง รายงานยอดขายลดลง 1% ในช่วงสามเดือนจนถึงสิ้นเดือนกันยายน หุ้นบริษัทสินค้าหรูของฝรั่งเศสส่วนใหญ่ร่วงลง โดยหุ้น LVMH ร่วง 3.3% และหุ้น Kering ร่วง 8%

ตลาดปรับตัวลง เนื่องจากนักลงทุนมองว่ามีความเป็นไปได้ที่จะมีการเก็บภาษีนำเข้าหลังจากที่โดนัลด์ ทรัมป์กลับมาครองตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากการกวาดชัยชนะเมื่อต้นสัปดาห์
หุ้น IAG ซึ่งเป็นเจ้าของบริติชแอร์เวย์ เพิ่มขึ้น 7.2% หลังจากกำไรจากการดำเนินงานรายไตรมาสเพิ่มขึ้น 15% ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 506.63 จุด ลดลง 3.29 จุด, -0.65%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,072.39 จุด ลดลง 68.35 จุด, -0.84%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,338.67 จุด ลดลง 86.93 จุด, -1.17%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 19,215.48 จุด ลดลง 147.04 จุด, -0.76%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนธันวาคมลดลง 1.98 ดอลลาร์ หรือ 2.74% ปิดที่ 70.38 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล  และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือน มกราคม ลดลง 1.76 ดอลลาร์ หรือ 2.33% ปิดที่ 73.87 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 
 
———————————————————————————————————————————————————–