MFC คาดหุ้นไทยเดือนพ.ย. Sideways ตลาดหุ้นสหรัฐฯขึ้นรับนโยบายลดภาษีทรัมป์

HoonSmart.com>>บลจ.เอ็มเอฟซี (MFC) มองแนวโน้มตลาดหุ้นสหรัฐฯ เดือนพ.ย. หุ้นขนาดกลาง-เล็กมีโอกาสปรับตัวขึ้น ได้ประโยชน์นโยบายลดภาษีนิติบุคคลของทรัมป์ ฟากตลาดหุ้นอินเดีย คาดดัชนี Nifty 50 มีโอกาสย่อตัว พี/อีพุ่งแรง ลงทุนระยะยาวทยอยสะสมกอง MINDIA ส่วนระยะสั้น Neutral ส่วน “ตลาดหุ้นไทย” คาดดัชนี Sideways มองบวกหุ้นไทยทั้งระยะสั้นและระยะยาว ให้น้ำหนัก Overweight พร้อมคัด 6 กองทุนเด่น “MPCREDIT-UI , M-USEQH , M-USEQUH , MGPROP , MGF ,MCHEVO”

บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี (MFC) เผยมุมมองการลงทุนผ่าน Monthly Investment Strategy เดือนพ.ย.2567 มองตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นในเดือน พ.ย. หลังผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการนาย โดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน เอาชนะนาง กมลา แฮร์ริส ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2567 และมีโอกาสที่จะเป็น Red Sweep คือ พรรคริพับลิกันครองเสียงข้างมากในสภาทั้งฝั่ง ส.ส. และ ส.ว. ส่งผลให้หุ้นขนาดกลาง และขนาดเล็กมีโอกาสปรับตัวขึ้นด้วย เนื่องจากได้ประโยชน์จากนโยบายลดอัตราภาษีนิติบุคคลของทรัมป์

นอกจากนี้ยังมีปัจจัยหนุนจาก GDP ไตรมาส 3 ที่ขยายตัว 2.8%QoQ ขณะที่ภาพรวมตลาดแรงงานมีแนวโน้มชะลอตัว สะท้อนเศรษฐกิจสหรัฐฯ เข้าสู่ Soft Landing เราให้น้ำหนักการลงทุนหุ้นสหรัฐฯ ระยะสั้น 0-3 เดือน เป็น Neutral และให้น้ำหนัก 6-12 เดือน เป็น Overweight

กองทุนแนะนำ : M-USEQH, M-USEQUH และ MGF

ตลาดหุ้นยุโรป คงน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นยุโรปที่ Neutral คาดว่าน่าจะเคลื่อนไหวในแนว Sideways up จากธนาคารกลางยุโรปมีนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายลง, เงินเฟ้อที่ปรับตัวลงต่อเนื่อง และอาจมีความผันผวนในระยะสั้นเนื่องจากปรับตัวขึ้นมาสูงและผันผวนตามตลาด หุ้นสหรัฐฯ จากผลการเลือกตั้งได้

กองทุนแนะนำ : MEURO

ตลาดหุ้นจีน ในช่วงเดือน พ.ย. คาดว่าดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ เพื่อรอแผนกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากรัฐบาล ติดตามการเลือกตั้งสหรัฐฯ และประเด็นนโยบายกีดกันทางค้า เรายังคงมีมุมมองการลงทุนระยะสั้นเป็น Overweight จากบรรยากาศการลงทุนและความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่ดีขึ้น และระดับ Valuation ยังคงน่าสนใจ

กองทุนแนะนำ : MCHEVO, MCHINA

“สำหรับมุมมองการลงทุนระยะยาวตลาดหุ้นจีนให้น้ำหนัก Neutral มองว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและกำไรจะเป็นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ยังคงต้องติดตามราคาบ้านที่ยังชะลอตัวลง และการฟื้นตัวของภาคบริโภค”

ตลาดหุ้นอินเดีย ในช่วงเดือน พ.ย. ดัชนี Nifty 50 มีโอกาสย่อตัวลง เนื่องจาก Forward P/E สูงกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปี ประกอบกับหลายบริษัทในดัชนี Nifty 50 ประกาศงบไตรมาส 3 น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาด อย่างไรก็ดี มองว่าปัจจัยพื้นฐานของหุ้นอินเดียยังคงมีความน่าสนใจ โดยคาดว่า EPS จะเติบโตที่ 6.3% ในปีนี้ และ 13.2% ในปีหน้า

สำหรับนักลงทุนระยะยาว มองว่าสามารถทยอยเข้าสะสมได้หากดัชนี Nifty 50 ย่อตัว เรามีมุมมองการลงทุนระยะสั้นและยาวเป็น Neutral

กองทุนแนะนำ : MINDIA

ตลาดหุ้นไทย มุมมองในเดือน พ.ย. นี้ มองว่าจะเคลื่อนไหว Sideways ระยะสั้นภาพรวมนักลงทุนส่วนใหญ่จะชะลอการลงทุน (Wait & See) เนื่องจากมีปัจจัยที่สำคัญคือ การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ที่ซึ่งจะมีผลต่อทิศทางการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐ รวมถึงมีผลต่อตลาดหุ้นทั่วโลก อีกทั้งการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐในวันที่ 6-7 พ.ย. เกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย

สำหรับปัจจัยบวกด้านเศรษฐกิจนั้น ล่าสุดการท่องเที่ยวของไทยยังคงเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยวสะสมตั้งแต่ 1 ม.ค.-27 ต.ค. 67 รวมทั้งทั้ สิ้นสิ้ 28,378,473 คน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวประมาณ 1,325,359 ล้านบาท และทางด้านการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือนก.ย. 67 พบว่า การส่งออกมีมูลค่า 25,983 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 1.1% (YoY) จากที่ตลาดคาดเติบโต 3% ส่วนการนำเข้า มีมูลค่า 25,589 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 9.9% ส่งผลให้ในเดือนก.ย. ไทยเกินดุลการค้า 394 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

“ขณะที่ปัจจัยราคาหุ้นไทยยังอยู่ระดับที่น่าสนใจ ปัจจุบันค่า Forward P/E ของดัชนี SET Index อยู่ที่ระดับ 14.61 เท่า ดังนั้นเรามีมุมมองต่อตลาดหุ้นไทยทั้งทั้ระยะสั้นและระยะยาว มีมุมมองบวก จึงให้น้ำหนักเป็น Overweight”

กองทุนแนะนำ M-FOCUS, M-S50, HIDIV-D และ M-MIDSMALL


ด้านตราสารหนี้ต่างประเทศ มุมมองระยะสั้นให้น้ำหนักการลงทุน Neutral ตลาดผันผวนจากปัจจัยการเลือกตั้งสหรัฐฯ และความไม่แน่นอนในนโยบายรัฐบาลใหม่ คาดการปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีที่ 4.3%-4.5% เป็นโอกาสการทยอยลงทุนในตราสารหนี้สหรัฐฯ สำหรับระยะยาว คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังคงทิศทางปรับลดดอกเบี้ยสหรัฐฯ เป็นปัจจัยหนุนการลงทุนระยะยาว Overweight

“แนะนำลงทุนในตราสารหนี้สหรัฐฯ คุณภาพสูง กองทุน MUBOND-D, MUBOND-A,MUBONDUHA,MUBONDUH-D ส่วนการลงทุนตราสารหนี้ไทย เราให้น้ำหนักการลงทุนในระยะ 0-3 เดือน ที่ Neutral และน้ำหนักการลงทุนระยะ 6 – 12 เดือนที่ Overweight กองทุนแนะนำ SMARTMF”

ทองคำ ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มพิ่ ขึ้น 2.8% ในเดือน ต.ค. สู่ระดับ All-Time High ที่บริเวณ 2,790 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อทรอยเอานซ์หลังความตึงเครียดในตะวันออกกลางยังยืดเยื้อ นอกจากนี้ราคาทองคำยังปรับตัวขึ้นจากความไม่แน่นอนของผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในเดือน พ.ย. จึงทำให้นักลงทุนหันมาลงทุนทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยด้วย เราให้น้ำหนักการลงทุนทองคำระยะยาว 6-12 เดือน เป็น Overweight

กองทุนแนะนำ IGOLD-G

น้ำมันดิบ มุมมองราคาน้ำมันดิบในเดือนพ.ย. มองว่าจะเคลื่อนไหว Sideways เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์ว่าสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางจะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันในตลาดโลก และกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส มีแผนที่จะเลื่อนการปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน 180,000 บาร์เรล/วันออกไปอีกจากเดิมที่กำหนดไว้ในเดือนธ.ค. ดังนั้นนั้ ปัจจุบันเราจึงให้น้ำหนักการลงทุนในตลาดน้ำมันทั้งระยะสั้น (0-3 เดือน) และระยะยาว (6-12 เดือน) มุมมองเป็น Neutral

กองทุนแนะนำ I-OIL

กองทุนอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลก ระยะสั้นตลาดผันผวนจากการปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ มองว่าเป็นจังหวะทยอยสะสม Global REITs ซึ่งมักทำผลตอบแทนได้โดดเด่นเมื่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ 10 ปีกลับมาปรับตัวลง โดยระยะยาวยังคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังคงมีแนวโน้มปรับลดดอกเบี้ยสหรัฐฯ อย่างค่อยเป็นค่อยไป ส่งผลดีต่อต้นทุนกองทุนอสังหาริมทรัพย์ที่ลดลง

นอกจากนี้ภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯยังขยายตัว เป็นปัจจัยหนุนต่อกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ให้น้ำหนักการลงทุนระยะสั้นและยาว Overweight

“เรายังคงให้น้ำหนักการลงทุนระยะสั้นและระยะยาว Global REITs เป็น Overweight แนะนำกองทุน MGPROP-AC/ MGPROP-AR”

กองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทย ให้น้ำหนักการลงทุนระยะสั้นและยาว Overweight สำหรับดัชนี SETPREIT มี Dividend Yield สูง 8.21% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปีจากปัจจัยราคาที่ปรับตัวลงมามาก และ Yield Spread กว้าง 5.77% ทำให้มีความน่าสนใจ คาดว่าผลประกอบการของกลุ่ม REITs ไทยฟื้นตัวตามเศรษฐกิจไทย และคาดธนาคารกลางแห่งประเทศไทยมีโอกาสปรับลดดอกเบี้ยต่อในปีหน้า เป็นปัจจัยหนุนตลาด

“ส่วนกองทุนอสังหาริมทรัพย์ ให้น้ำหนักการลงทุนระยะสั้นและยาวเป็น Overweight แนะนำกองทุน MPDIVMF ,M-PROP RMF”

Private Credit ให้น้ำหนักการลงทุนระยะยาว Overweight ในสินทรัพย์ Private credit ซึ่ง Yield และ spread อยู่ในระดับน่าสนใจกับความเสี่ยง มีความสัมพันธ์ตํ่ากับตลาดโดยรวม (**สินทรัพย์ประเภทPrivate Credit สำหรับผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่พิเศษเท่านั้นนั้ กองทุนรวมที่มีความเสี่ยงสูงหรือซับซ้อน )

กองทุนแนะนำ MPCREDIT-UI

สำหรับกองทุนประจำเดือนพ.ย. แนะนำ MPCREDIT-UI โอกาสรับผลตอบแทนจาก Private Credit , กองทุน M-USEQH และ M-USEQUH คัดหุ้นสหรัฐฯที่มีศักยภาพสูง, กองทุน MGPROP ลงทุนอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลก และกองทุน MGF ลงทุนหุ้นเติบโตคุณภาพดีทั่วโลก มีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้สูงกว่าตลาด เนื่องจากหุ้นประเภทนี้มีส่วนแบ่งทางการตลาดสูง มีกำไรและรายได้เติบโตสม่ำเสมอ ซึ่งแนะนำทยอยลงทุน และกองทุน MCHEVO ลงทุนหุ้น ALL CHINA เลือกบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากการเติบโตระยะยาวของพัฒนาการทางเศรษฐกิจและสังคมของจีน


 
———————————————————————————————————————————————————–