HoonSmart.com>>”บางจากฯ” (BCP) เผยไตรมาส 3/67 ขาดทุน 2,093 ล้านบาท รายได้ขายและบริการ 154,193 ล้านบาทชะลอลง 2% จากไตรมาส 2 แต่เพิ่มขึ้น 63% จากปีก่อน เจอขาดทุนสต๊อก 5,120 ล้านบาท ส่วน 9 เดือน กำไร 2,168 ล้านบาท รายได้รวมสูงสุดเป็นประวัติการณ์ รับรู้ Synergy สะสม 4,400 ล้านบาท สูงกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 2,500 ล้านบาท ขยับเป้าใหม่ปีนี้ 5,000 ล้านบาท ยันรายได้เข้าเป้ากว่า 5 แสนล้านบาท โค้งสุดท้ายราคาน้ำมันนิ่ง 70-80 ดอลลาร์ ค่าการกลั่นดีขึ้น
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) รายงานผลงานงวดไตรมาสที่ 3/2567 ขาดทุนสุทธิ 2,093 ล้านบาท คิดเป็นขาดทุนหุ้นละ 1.61 บาท พลิกจากช่วงเดียวกันปีก่อนมีกำไรสุทธิ 11,011 ล้านบาท หรือ 7.91 บาทต่อหุ้น โดยรวม 9 เดือนปีนี้กำไรสุทธิ 2,167.51 ล้านบาทหรือ 1.30 บาทต่อหุ้น ลดลงจากกำไรสุทธิ 14,210 ล้านบาทหรือ 10.09 บาทต่อหุ้นในช่วงเดียวกันปีก่อน
ในไตรมาสที่ 3/2567 กลุ่มบางจากมีรายได้จากการขายและการให้บริการจำนวน 154,193 ล้านบาท -2% จากไตรมาสที่ 2 (QoQ) และเพิ่มขึ้น 63% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) และมี EBITDA 7,427 ล้านบาท (-31% QoQ, -46% YoY) โดยกลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน แม้ได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์ที่ปรับลดลง QoQ จากอุปสงค์ทั่วโลกถูกกดดันจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ส่งผลให้ค่าการกลั่นพื้นฐานลดลง และรับรู้ผลขาดทุนจากสต๊อก Inventory Loss (รวม NRV) 5,120 ล้านบาท หรือ 6.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล แต่กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและค้าน้ำมันมีกำไรจากตราสารอนุพันธ์ทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันดิบและอัตราแลกเปลี่ยน 1,648 ล้านบาท ซึ่งสามารถชดเชยผลการดำเนินงานที่อ่อนตัวลงได้บางส่วน
สำหรับกลุ่มธุรกิจการตลาด ปริมาณการจำหน่ายรวมของธุรกิจการตลาดอยู่ที่ 3,327 ล้านลิตร ลดลงเล็กน้อย 2% QoQ กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ มีปริมาณการขายเพิ่มขึ้น 4% QoQ แต่ได้รับปัจจัยกดดันจาก Spread กลุ่มธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ มีปริมาณการจำหน่ายขยายตัว 23% QoQ จากการกลับมาดำเนินการหลังปิดซ่อมบำรุงของแหล่งผลิต Statfjord A ตลอดจนประสิทธิภาพในการผลิตที่เพิ่มขึ้น และปริมาณการจำหน่ายมากกว่ากำลังการผลิตตามสัญญา (Overlift) ของแหล่งผลิต Brage ขณะที่กลุ่มธุรกิจไฟฟ้าพลังงานสะอาดจากโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำในลาวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงฤดูฝน และโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติในประเทศสหรัฐอเมริกาที่กลับมาผลิตครบทุกโรง หลังการปิดซ่อมบำรุงบางส่วนในไตรมาส 2 ช่วยบรรเทาความผันผวนของผลการดำเนินงานจากการแข่งค่าของเงินบาทได้บางส่วน
“ค่าการตลาดสุทธิรวมลดลงอยู่ที่ 0.77 บาท/ลิตร จากการรับรู้ Inventory Loss สวนทางกับไตรมาส 2 ที่รับรู้Inventory Gain ผลกระทบบางส่วนถูกชดเชยด้วยมาร์จิ้นที่เพิ่มขึ้นของผลิตภัณฑ์ยางมะตอยในไตรมาสนี้ หากไม่รวมผลกระทบจาก Inventory Loss ค่าการตลาดรวมจะเติบโต 7%”
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า 9 เดือนแรกของปี 2567 กลุ่มบางจากสร้างสถิติใหม่ของรายได้จากการขายและการให้บริการรวม 447,631 ล้านบาท เติบโตกว่า 84% และมียอดจำหน่ายน้ำมันเติบโตก้าวกระโดดกว่า 10,000 ล้านลิตร และกลุ่มธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติที่สร้างสถิติรายได้สูงสุดจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น มี EBITDA 33,499 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% มีการรับรู้ Inventory Loss (รวม NRV) 4,683 ล้านบาท หรือ 1.88 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากค่าการกลั่นพื้นฐานและราคาน้ำมันที่อ่อนตัวลง แต่คาดว่าบริษัทจะมีรายได้ทั้งปีบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้มากกว่า 500,000 ล้านบาท ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 มีส่วนแบ่งทางการตลาดผ่านสถานีบริการรวมเติบโตขึ้นมาอยู่ที่ 29.0% มีสถานีบริการรวม 2,141 สถานีและจุดชาร์ต EV 321 สถานี
“ตลอดระยะเวลากว่า 1 ปี ภายหลังจากการได้มาซึ่งบริษัท บางจาก ศรีราชา หรือ BSRC เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2566 ประสบความสำเร็จในการสร้าง Synergy มียอดสะสมสูงถึง 4,400 ล้านบาทภายใน 9 เดือนแรกของปี 2567 สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 2,500 ล้านบาทอย่างมีนัยสำคัญ สะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพของกลยุทธ์ที่วางไว้ และสร้างความมั่นใจในการปรับเป้าหมาย Synergy ใหม่ให้สูงขึ้นเป็น 5,000 ล้านบาทในปี 2567 และ 5,500 ล้านบาทในปี 2568 และในปีถัด ๆ ไป เป็นการตอกย้ำถึงศักยภาพและความมุ่งมั่น ในการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน สำหรับไตรมาส 4 คาดกว่าค่าการกลั่นจะปรับตัวสูงขึ้น และกำลังเข้าช่วงฤดูหนาว ซึ่งจะส่งผลให้แนวโน้มราคาน้ำมันในตลาดโลกสูงขึ้น
ด้านส่วนต่างราคาน้ำมันดิบเดทเบรนท์กับดูไบ (DTD-DB) คาดว่าจะอยู่ที่ 1.0-1.5 ดอลลาร์/บาร์เรล ค่าการกลั่นของโรงกลั่น Cracking สิงคโปร์มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น QoQ จากอุปสงค์และการปิดซ่อมบำรุงตามฤดูกาลของโรงกลั่นในยุโรปและสหรัฐฯ จึงคาดการณ์ว่ามีความเป็นไปได้ในการส่งออกอุปทานจากเอเชียไปยุโรปลดลงและส่งผลดีต่อราคาน้ำมันสำเร็จรูป
นางสาวภัทร์ภูรี ชินกุลกิจนิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน และรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานบัญชีและการเงิน บางจากฯ กล่าวว่าฐานะการเงิน ณ วันที่ 30 ก.ย.2567 มีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด 30,707 ล้านบาท และมีสินทรัพย์รวม 329,441 ล้านบาท ลดลง 10,988 ล้านบาทจากสิ้นปี 2566 มีหนี้สินรวม 243,875 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,478 ล้านบาท และส่วนผู้ถือหุ้นรวม 85,566 ล้านบาท ลดลง 14,466 ล้านบาท โดยหลักมาจากหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุน (Perpetual Bond) ที่ถูกจัดประเภทใหม่เป็นหุ้นกู้ที่ถึงกำหนดชำระภายในหนึ่งปี ภายหลังจากที่บริษัทฯ ยืนยันการไถ่ถอนหุ้นกู้ดังกล่าวในเดือนต.ค. 2567 โดยเป็นส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนของบริษัทใหญ่ 58,437 ล้านบาท และมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นในระดับที่ยังแข็งแรงที่ 1.18 เท่า