ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 1,508 จุด รับทรัมป์ชนะเลือกตั้งประธานาธิบดี

HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทั้ง 3 ดัชนีหลักปิดบวก ดาวโจนส์พุ่ง 1,508 จุด +3.57% ทำสถิติสูงสุดภายในวันเดียวนับตั้งแต่พ.ย.2022 หลัง “โดนัลด์ ทรัมป์” จากพรรครีพับลิกัน คว้าชัยชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ด้าน “ราคาน้ำมันดิบ” ลดลง ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดลบ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 6พฤศจิกายน ปิดที่ 43,729.93 จุด เพิ่มขึ้น 1,508.05 จุด หรือ +3.57% ทำสถิติสูงสุดภายในวันเดียวที่ดีที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปี 2022 หลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกันคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 5,929.04 จุด เพิ่มขึ้น 146.28 จุด, +2.53%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 18,983.47 จุด เพิ่มขึ้น 544.29 จุด, +2.95%

ดัชนี S&P500 ก็ปรับตัวทำ all-time high ภายในวันเดียว และดัชนี Nasdaq ก็ทำสถิติพุ่งขึ้นในภายวันเดียวมากที่สุด

นักลงทุนคาดหวังว่าภาษีที่ลดลง การผ่อนคลายกฎระเบียบ และประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ไม่อายที่จะให้ความสำคัญกับทุกอย่างตั้งแต่ตลาดหุ้นไปจนถึงเงินดอลลาร์ แม้ว่าการเก็บภาษีศุลกากรนำเข้ารอบใหม่อาจนำมาซึ่งความท้าทายใน รูปแบบของการขาดดุลและอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น

การลงทุนที่มองว่าจะได้ประโยชน์ภายใต้การดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของทรัมป์พุ่งสูงขึ้น โดยหุ้น Tesla ซึ่งซีอีโอ อีลอน มัสค์ เป็นผู้สนับสนุนคนสำคัญของทรัมป์พุ่งขึ้นกว่า 14%

นอกจากนี้ยังมองว่านโยบายของทรัมป์เป็นผลบวกต่อภาคการเงินมากกว่า ส่งผลให้กลุ่มธนาคารวิ่งขึ้น หุ้น JPMorgan Chase พุ่ง 11.5% หุ้น Wells Fargo พุ่ง 13% และธนาคารภูมิภาคก็ปรับขึ้นเช่นกัน โดย S&P Regional Banking ETF เพิ่มขึ้นกว่า 11%

ชัยชนะของพรรครีพับลิกันทำให้มีการเร่งตัวขึ้นของการซื้อขายที่เรียกว่า Trump trades ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยอัตราผลตอบแทนธนบัตรอายุ 10 ปีแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือนที่ 4.479% ส่วนBitcoin พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่มากกว่า 76,000 ดอลลาร์ และเงินดอลลาร์ก็พุ่งขึ้นเป็นเปอร์เซ็นต์ที่มากสุดในหนึ่งวันนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2022

หุ้น Trump Media & Technology Group บริษัทโซเชียลมีเดียที่เกี่ยวข้องกับทรัมป์ปิดเพิ่มขึ้น 5.9%

ดัชนี Russell 2000 ของหุ้นเล็ก เพิ่มขึ้น 5.84% แตะระดับสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ เพราะเชื่อว่าบริษัทเล็กซึ่งมุ่งเน้นภายในประเทศและเป็นหุ้นวัฏจักร (Cyclical Stockหุ้นที่ผลการดำเนินงานของธุรกิจขึ้นลงตามภาวะเศรษฐกิจ) จะได้ประโยชน์อย่างมากจากการลดภาษีและนโยบายกีดกันทางการค้าของทรัมป์

มาร์ค พินโท หัวหน้าฝ่ายตลาดหุ้นอเมริกาของ Janus Henderson Investors ระบุในบทวิเคราะห์ว่า มีการมองกันว่าทรัมป์จะสนับสนุนการลดอัตราภาษีนิติบุคคล ผ่อนคลายกฎระเบียบ และมีนโยบายอุตสาหกรรมที่สนับสนุนการเติบโตในประเทศ ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้มากขึ้น และเป็นประโยชน์ต่อสินทรัพย์เสี่ยง … ในระหว่างการเลือกตั้งปี 2016 ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้นเกือบ 5% จากวันก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีจนถึงสิ้นปีในการซื้อขายที่เป็นที่รู้จักในชื่อ Trump rally และคาดว่าแนวโน้มที่คล้ายกันจะเกิดขึ้นในครั้งนี้เช่นกัน

ตลาดยังจับตาว่าพรรครีพับลิกันจะสามารถรักษาเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรได้หรือไม่ หลังจากคุมเสียงข้างมากวุฒิสภาสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะนำไปสู่การต่อต้านนโยบายของทรัมป์น้อยลง

หุ้นอสังหาริมทรัพย์ที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย ลดลง 2.64% และกลุ่มสาธารณูปโภค ลดลง 0.98% เนื่องจากนักลงทุนประเมินว่านโยบายของทรัมป์จะทำให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นและอาจจะมีผลต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ

FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ ตลาดคาดว่าการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ที่จะเสร็จสิ้นในวันพฤหัสบดีจะลดดอกเบี้ยลง 0.25% อย่างไรก็ตาม เทรดเดอร์เริ่มปรับลดความเป็นไปได้ของการปรับลดอกเบี้ยในเดือนธันวาคม และจำนวนการลดที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปีหน้า

ตลาดยุโรปปิดลบ จากที่ปรับขึ้นในช่วงแรกของการซื้อขาย โดยได้รับแรงกดดันจากหุ้นสาธารณูปโภคที่ปรับตัวลง เนื่องจากกังวลว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ อาจระงับการอนุมัติโครงการพลังงานลมนอกชายฝั่งครั้งใหม่

ทรัมป์ ซึ่งชนะการเลือกตั้งด้วยการได้รับคะแนนเสียงจากคณะผู้เลือกตั้งกว่า 270 เสียงตามเกณฑ์ในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ได้ให้คำมั่นในระหว่างการหาเสียงในการเลือกตั้งว่าจะยกเลิกโครงการพลังงานลมนอกชายฝั่งด้วยคำสั่งของประธานาธิบดีในวันแรกที่ดำรงตำแหน่ง

หุ้น Oersted และหุ้น Vestas บริษัทพลังงานลมนอกชายฝั่งต่างลดลง 12.8% และกลุ่มสาธารณูปโภคลดลง 2.6%

บทวิเคราะห์ของ UBS ระบุว่า ตลาดหุ้นยุโรป จับตานโยบายสำคัญ 3 ข้อจากประธานาธิบดีคนใหม่สหรัฐ การเก็บภาษีการค้า การยกลิกโครงการริเริ่มด้านพลังงานสีเขียวบางโครงการ และผลกระทบต่อการใช้จ่ายด้านกลาโหมของรัสเซีย-ยูเครน และยุโรป

หุ้นบริษัทรถยนต์เยอรมนี เช่น Mercedes-Benz Group และ BMW) ต่างลดลงราว 6.5% จากความกังวลว่าอาจมีการเก็บภาษีนำเข้าภายใต้การดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของทรัมป์ กลุ่มยานยนต์ลดลง 2.3%

ทรัมป์ยังให้คำมั่นที่จะเก็บอัตราภาษีนำเข้า 10% จากทุกประเทศ และกล่าวว่าสหภาพยุโรปจะต้องจ่ายในราคาที่แพงขึ้น สำหรับการซื้อสินค้าส่งออกของอเมริกาไม่มากพอ

บริษัทส่วนใหญ่ที่อยู่ในดัชนี STOXX 600 มีรายได้เพียง 40% จากตลาดภายในประเทศ ขณะที่รายได้ส่วนใหญ่ได้มาจากสหรัฐฯ

ทรัมป์ถูกมองว่าเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นกลุ่มกลาโหมของยุโรป จากการที่เตือนว่า สหรัฐฯ จะลดการสนับสนุนทางทหารในภูมิภาค และบังคับให้สมาชิกนาโต (NATO) ใช้จ่ายด้านกลาโหม 2% หรือมากกว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP)ของแต่ละประเทศ

ดัชนีหุ้นกลุ่มบริษัทด้านการบินและกลาโหมในยุโรป พุ่งขึ้น 2.1% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

สำหรับหุ้นรายตัวอื่นๆ หุ้น Novo Nordisk บวก 0.6% หลังจากรายงานยอดขายรายไตรมาสของยาลดน้ำหนัก Wegovy ดีกว่าคาด

นักลงทุนจับตาดูการตัดสินใจนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ในวันพฤหัสบดีนี้

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 506.78 จุด ลดลง 2.75 จุด, -0.54%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,166.68 จุด ลดลง 5.71 จุด, -0.07%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,369.61 จุด ลดลง 37.54 จุด, -0.51%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 19,039.31 จุด ลดลง 216.96 จุด, -1.13%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 30 เซนต์ หรือ 0.42% ปิดที่ 71.69 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือน มกราคม ลดลง 61 เซนต์ หรือ 0.81% ปิดที่ 74.92 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 
———————————————————————————————————————————————————–