IRPC ขาดทุน 4,879 ล้านบ.Q3/67 แบกสต๊อก 5,000 ลบ.-ค่าเสื่อม 2,327 ลบ.

HoonSmart.com>>”ไออาร์พีซี” (IRPC) พลิกขาดทุน 4,879 ล้านบาทไตรมาส 3/67 รายได้จากการขายสุทธิลดลง 7,300 ล้านบาท หรือ -9% หลักๆ มาจากราคาขายเฉลี่ยลดลง 11% ขณะที่ปริมาณขายเพิ่มขึ้น 2% แถมขาดทุนสต๊อกสุทธิ  5,000 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้น 8,566 ล้านบาทจากไตรมาส 3/66 ค่าเสื่อมราคาอีก 2,327 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7%  ต้นทุนทางการเงินสุทธิ 687 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28%  

บริษัท ไออาร์พีซี (IRPC) เปิดเผยผลดำเนินงานงวดไตรมาสที่ 3/2567 ขาดทุนสุทธิ 4,879.96 ล้านบาท คิดเป็นขาดทุนหุ้นละ 0.24 บาท พลิกจากช่วงเดียวกันปีก่อนกำไรสุทธิ 2,438.60 ล้านบาทหรือ 0.12 บาทต่อหุ้น รวม 9 เดือนปีนี้ขาดทุนสุทธิ 4,067.70 ล้านบาทหรือ 0.20 บาทต่อหุ้นจากที่มีกำไรสุทธิ 493.53 ล้านบาทหรือ 0.02 บาทต่อหุ้นในช่วงเดียวกันของปีก่อน

สาเหตุที่ทำให้บริษัทขาดทุนในไตรมาสที่ 3/2567 เนื่องจากมีรายได้จากการขายสุทธิลดลง 7,300 ล้านบาท หรือ -9% จากช่วงเดียวกันปีก่อน สาเหตุหลักมาจากราคาขายเฉลี่ยลดลง 11% ขณะที่ปริมาณขายเพิ่มขึ้น 2% สำหรับธุรกิจปิโตรเลียมมี Market GRM ที่ลดลง โดยหลักลดลงจากกลุ่มน้ำมันเชื้อเพลิงตามการลดลงอย่างมีนัยสำคัญของส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์น้ำมันดีเซลและน้ำมันเบนซินเทียบกับราคาน้ำมันดิบดูไบ

ส่วนธุรกิจปิโตรเคมี มี Market PTF ที่เพิ่มขึ้น จากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กับวัตถุดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ PP และส่วนต่างราคาในกลุ่มสไตรีนิกส์ ขณะที่กลุ่มธุรกิจสาธารณูปโภคมีกำไรขั้นต้นคงที่ส่งผลให้บริษัทมี Market GIM ลดลง 32%

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯมีการบันทึกขาดทุนสต๊อกสุทธิ (Net Inventory Loss ) 5,000 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้น 8,566 ล้านบาทจากไตรมาสที่ 3/2566 ทำให้บริษัทบันทึกขาดทุน Accounting GIM อยู่ที่ 1,350 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 115%ขาดทุน EBITDA จำนวน 4,843 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้น 182%

นอกจากนี้บริษัทฯบันทึกค่าเสื่อมราคา 2,327 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% เป็นผลจากสินทรัพย์เพิ่มขึ้นจากโครงการ Ultra Clean Fuel (UCF) ประกอบกับมีต้นทุนทางการเงินสุทธิ 687 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% โดยมีการบันทึกกำไรจากตราสารอนุพันธ์ 763 ล้านบาท กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจากเงินกู้ยืม 182 ล้านบาท และกำไรที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจากการบริหารความเสี่ยงน้ำมัน 575 ล้านบาท

ทั้งนี้หากเทียบกับไตรมาส 2/2567 ที่มีกำไรสุทธิ 2,439 ล้านบาท บริษัทมีรายได้จากการขายสุทธิลดลง 7,300 ล้านบาท หรือ 9 % สาเหตุหลักจากราคาขายเฉลี่ยลดลง 11% ขณะที่ปริมาณขายเพิ่มขึ้น 2%

ส่วนผลงานรวม 9 เดือนปีนี้บริษัทมีรายได้จากการขายสุทธิจำนวน 218,674 ล้านบาท ลดลง 2% สาเหตุหลักจากปริมาณขายลดลง 5% ขณะที่ราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 3% มี Net Inventory Loss รวม 1,312 ล้านบาท หรือ 0.68 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ทำให้มี Accounting GIM จำนวน 11,421 ล้านบาท หรือ 6.00 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ลดลง 35%  หลังจากหักค่าใช้จ่ายดำเนินงานแล้ว มี EBITDA จำนวน 1,275  ล้านบาท ลดลง 84%  ที่บริษัทฯบันทึกค่าเสื่อมราคา 6,711 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% ประกอบกับมีต้นทุนทางการเงินสุทธิ  1,800
ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17%

อย่างไรก็ตามจากสถานการณ์ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น  ส่งผลให้บริษัทบันทึกกำไรจากการทำสัญญาอนุพันธ์ทางการเงิน  401 ล้านบาท และกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินกู้ยืมจำนวน  27 ล้านบาท  นอกจากนี้ยังมีกำไรที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจากการบริหารความเสี่ยงน้ำมัน  694  ล้านบาท เนื่องจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวลง และมีกำไรจากการลงทุนจำนวน 766 ล้านบาท โดยหลักเพิ่มขึ้นจากส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัท ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล เอสเตท ระยอง (WHAIER) ที่เริ่มรับรู้รายได้จากการจำหน่ายที่ดินในไตรมาสที่ 2  ส่งผผลให้บริษัท 9 เดือนปีนี้ขาดทุนสุทธิ 4,068 ล้านบาท พลิกจากปีก่อนมีกำไรสุทธิ  494 ล้านบาท

ด้านราคาหุ้น IRPC  ปิดที่ 1.51 บาท ไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อน