ดาวโจนส์ปิดลบ 378 จุด วิตกผลประกอบการ

HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดัชนีดาวโจนส์ปิดลบ 378 จุด แรงขายหุ้นเทคโนโลยีร่วงฉุดดัชนี Nasdaq -2.76% หลัง Microsoft, Meta Meta Platforms เตือนต้นทุนเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่เพิ่มขึ้นอาจกระทบรายได้ ด้าน “ราคาน้ำมันดิบ” เพิ่มขึ้น 65 เซนต์ ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดลบ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 31 ตุลาคม ปิดที่ 41,763.46 จุด ลดลง 378.08 จุด หรือ -0.90% หลังจาก Microsoft และ Meta Meta Platforms เตือนว่าต้นทุนเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ที่เพิ่มขึ้นอาจกระทบต่อรายได้เขา

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 5,705.45 จุด ลดลง 108.22 จุด, -1.86%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 18,095.15 จุด ลดลง 512.78 จุด, -2.76%

หุ้น Microsoft ร่วงลง 6% หลังจากที่คาดการณ์ด้านรายได้ของบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีทำให้นักลงทุนผิดหวังและบดบังผลประกอบการรายไตรมาสที่ดีกว่าคาด หุ้น Meta Platforms บริษัทแม่ของ Facebook ลดลงกว่า 4% หลังจากการเติบโตของจำนวนผู้ใช้ต่ำกว่าคาด และเตือนว่าการใช้จ่ายด้านทุน (CapEx) จะเพิ่มขึ้นอย่างมากในปี 2025 แม้ผลการดำเนินงานดีกว่าคาด จากที่รายงานหลังตลาดปิดเมื่อวันพุธ

ทั้ง Microsoft และ Meta ต่างระบุว่าค่าใช้จ่ายด้านทุนเพิ่มขึ้นเนื่องจากการลงทุนด้าน AI ซึ่งอาจลดความสามารถในการทำกำไร

ในบรรดาบริษัทเทคโนโลยีกลุ่ม Magnificent Seven นั้น Amazon.com และ Apple รายงานผลประกอบการรายไตรมาสหลังปิดตลาด ส่วนบริษัทอื่นในกลุ่มเทคโนโลยี Intel รายงานผลประกอบการรายไตรมาสหลังปิดตลาดเช่นกัน

หุ้น Estee Lauder ลดลงมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ โดยลดลง 20.9% หลังจากที่บริษัทยกเลิกการคาดการณ์ของปี 2025

หุ้น Uber Technologies ลดลง 9.3% หลังจากที่บริษัทคาดการณ์ยอดจองรวมในไตรมาสที่สี่ต่ำกว่าคาด

แครอล ชเลฟ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของ BMO Family Office กล่าวว่า บริษัทในกลุ่ม Magnificent Seven บอกว่าโดยพื้นฐานแล้วค่าใช้จ่ายด้าน AI ตั้งเป็นปลายเปิดไว้ ซึ่งเป็นสิ่งที่นักลงทุนไม่อยากจะได้ยิน

กลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศนำการปรับลง แต่ผลการดำเนินงานที่ดีจาก ConocoPhillips และ Entergy ได้หนุนกลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภค

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการรายงาน ได้แก่ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนกันยายนจากกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเพิ่มขึ้น 2.1% เมื่อเทียบรายปี สอดคล้องตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และเข้าใกล้เป้าหมาย 2% ของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)แต่ดัชนี PCE พื้นฐาน (Core PCE) ซึ่งไม่รวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ เฟดให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้น 2.7% เมื่อเทียบรายปี สูงกว่า 2.6% ที่นักวิเคราะห์คาด บ่งชี้แนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจในไตรมาสสุดท้ายของปี

กระทรวงแรงงานรายงาน จำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้ว ลดลง 12,000 ราย มาที่ 216,000 ราย ต่ำกว่า 227,000 รายนักวิเคราะห์ที่คาด

หลังการเผยแพร่ข้อมูล นักลงทุนยังคงมองว่าค่อนข้างแน่นอนที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมของเฟดในวันที่ 6-7 พฤศจิกายนแต่มีโอกาสเพียง 70% ที่จะลดลง 0.25% ในการประชุมทั้งเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม ตามข้อมูลจาก FedWatch Tool ของกลุ่ม CME

VIX ซึ่งเป็น มาตรวัดความวิตก ของตลาด ปรับขึ้นเนื่องจากนักลงทุนเตรียมพร้อมรับความผันผวนมากขึ้นในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าจากผลประกอบการของบริษัทและการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 5 พฤศจิกายน ตามมาด้วยการประชุมนโยบายการเงินของเฟด

นอกจากนี้ยังจับตาการรายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ ในวันศุกร์นี้

ตลาดยุโรปปิดลบ โดยดัชนี STOXX 600 ลดลงกว่า 1% เป็นการลดลงรายเดือนที่มากที่สุดในรอบปี จากผลประกอบการของบริษัทที่ไม่สดใส ขณะที่นักลงทุนรอความชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจมหภาคและผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ

กลุ่มค้าปลีกนำการลดลงของตลาดโดยรวม โดยลดลง 4%

นักลงทุนตื่นตัวจับตาการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เพราะหากฌดนัลด์ ทรัมป์ชนะ อาจจะมีแนวโน้มเก็บภาษีที่สูงขึ้นและเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหม อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจยุโรปที่กำลังอ่อนแออยู่แล้ว

นักลงทุนยังระมัดระวังในการลงทุนหลังจากอัตราเงินเฟ้อยูโรโซนพุ่งสูงขึ้นเกินคาดในเดือนตุลาคม และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ซึ่งอาจมีผลต่อการผ่อนคลายนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป หลังจากปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนนี้

การรายงานผลประกอบการทำให้นักลงทุนผิดหวัง โดยกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น บริษัทสินค้าหรูรายใหญ่ ผู้ผลิตรถยนต์ และผู้ผลิตเบียร์ และอื่นๆ ได้รับผลกระทบจากอุปสงค์ของจีนที่ลดลง

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีได้รับผลกระทบมากที่สุด โดยความเชื่อมั่นต่อกลุ่มนี้ลดลงอีกหลังจากรายงานรายไตรมาสจาก Meta Platforms และ Microsoft ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของสหรัฐฯ

หุ้น Anheuser-Busch InBev ผู้ผลิตเบียร์รายใหญ่ที่สุด ร่วงลง 6% หลังจากรายงานผลกำไร รายได้ และปริมาณในไตรมาสสามต่ำกว่าการคาดการณ์

หุ้นธนาคาร BNP Paribas ลดลง 4.2% เนื่องจากผลประกอบการไตรมาสสามจากแผนกวาณิชธนกิจ และตั้งสำรองหนี้ต่ำกว่าที่คาด

หุ้น Maersk เพิ่มขึ้น 7.8% เนื่องจากอัตราค่าระวางในไตรมาสสามที่แข็งแกร่งเกินคาดและเพิ่มการคาดการณ์กำไรทั้งปี

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 505.39 จุด ลดลง 6.12 จุด, -1.20%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,110.10 จุด ลดลง 49.53 จุด, -0.61%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,350.37 จุด ลดลง 77.99 จุด, -1.05%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 19,077.54 จุด ลดลง 179.80 จุด, -0.93%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 65 เซนต์ หรือ 0.95% ปิดที่ 69.26 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 61 เซนต์ หรือ 0.84% ปิดที่ 73.16 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

———————————————————————————————————————————————