HoonSmart.com>>TDO แนะจับตาตลาดคริปโตหลังจบบิทคอยท์ฮาฟวิ่งครั้งที่ 4 เปลี่ยนโฉมครั้งใหญ่ การเก็งกำไรจะกลับมา ธุรกิจใหม่ใช้ระดมทุนเพิ่ม ได้แรงเสริมจากผู้ท้าชิงผู้นำทำเนียบขาวประกาศชัดพร้อมหนุนสินทรัพย์ดิจิทัล มีโอกาสเห็นนักลงทุนสถาบันใช้เป็นทุนสำรองแบ็คอัพค่าเงิน
นายอรรถกฤต ชิมผลาพิบูลย์ กรรมการ สมาคมการค้าผู้ประกอบการธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลไทย (TDO) คาดตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลโลกและไทยในอนาคตจะมีการเปลี่ยนโฉมครั้งใหญ่ โดยปัจจัยหลักๆ มาจากการสิ้นสุดของบิทคอยน์ฮาฟวิ่ง (Bitcoin Halving) ครั้งที่ 4 ในปี 2567 หรือ 2024 เพราะตามสถิติของการฮาฟวิ่งในอดีต 3 ครั้งที่ผ่านมา การเก็งกำไรจะกลับมาอีกรอบ ซึ่งบิทคอยน์ฮาฟวิ่ง น่าจะใกล้จบแล้ว ซึ่งปัจจุบันขึ้นมาอยู่ 70,000 เหรียญสหรัฐต่อ 1 บิทคอยน์ จากระดับ 60,000 หมื่นกว่าเหรียญสหรัฐฯต่อ 1 บิทคอยน์ ขอบอกก่อนว่าไม่ใช่การชี้นำให้ลงทุน แต่บอกถึงสถิติในอดีตที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ทั้ง 3 คน ยังประกาศชัดที่จะให้การสนับสนุนสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น โดยเฉพาะ อดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศชัดว่าถ้าชนะการเลือกตั้ง จะซื้อ 1 ล้านบิทคอยน์เพื่อนำไปแบ็คอัพค่าเงิน ทำให้ตลาดให้การยอมรับมากขึ้น
“จะส่งผลให้ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลปรับตัวครั้งใหญ่ ซึ่งไม่ได้มีเพียงแค่การเก็งกำไรเท่านั้น แต่ยังมีการใช้ในการระดมทุนของธุรกิจต่างๆ ซึ่งในต่างประเทศมีการออกเหรียญเพื่อนำไปใช้ในการบริหารจัดการน้ำในเขื่อน ในบ้านเราก็มีของใหม่เกิดขึ้นคือโทเคนคาร์บอนเครดิต จากเดิมมี โทเคนเรียลเอ็กซ์ สิริฮับโทเคน และ เดสตินี่โทเคน ต่อไป อาจจะเห็นโทเคนดาต้าเซ็นเตอร์ หรือเหรียญใหม่ๆ เกิดขึ้น จะทำให้มีกลุ่มนักลงทุนหลากหลาย น่าจะมาขับเคลื่อนธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลของไทยให้เติบโตต่อไปได้อีก”นายอรรถกฤต กล่าว
นายอรรถกฤต กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังขึ้นอยู่กับการกำกับดูแลของหน่วยงานต่างๆ แต่ยอมรับว่าวันนี้ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) มีความทันสมัยในด้านการออกกฎเกณฑ์ต่างๆ มารองรับ ทำให้ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลของไทยเติบโตได้เร็วหากพิจารณาจากอัตราส่วนการถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทย ติดอันดับ 5 ของโลก วันนี้อยู่ที่ประมาณ 17% บ่งชี้ว่าประชาชนก็ให้การยอมรับ และเป็นอันดับ 1 ในอาเซียน
อย่างไรก็ตาม สินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยง ราคามีความผันผวนสูง แม้ว่าบิทคอยน์ จะเป็นสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดในประวัติศาสตร์โลกเมื่อเทียบกับสินทรัพย์อื่นๆ แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าอนาคตราคาจะเป็นเหมือนในอดีต นักลงทุนต้องใช้ความระมัดระวังสูง
ทั้งนี้ ก่อนลงทุนในโทเคนใด ต้องศึกษาจำนวนเหรียญ จำนวนผู้ใช้เหรียญ สินทรัพย์ที่อยู่ภายใต้การบริหารจัดการ
นายอัฏฐ์ ทองใหญ่ อัศวานันท์ ประธานสมาคมการค้าผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลไทย (TDO) กล่าวว่า ตลาดซื้อ-ขายสินทรัพย์ดิจิทัล เป็นแหล่งของการลงทุน และ การเก็งกำไร แต่ปัจจุบันส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มเก็งกำไร ซึ่งเป็นผลมาจากนักลงทุนเข้าไม่ถึงแหล่งข้อมูลในเชิงลึกของเหรียญแต่ละเหรียญ และทำความเข้าใจในข้อมูลได้ยาก ประกอบกับในไทยยังไม่อนุญาตให้สถาบันลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล ที่ผ่านมาสมาคมฯได้ทำการให้ความรู้กับตลาดมาโดยตลอด และในปีหน้านี้จะมีการจัดอบรมเรื่องสินทรัพย์ดิจิทัลเพิ่มเติม โดยได้ทุนจากกองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน (CMDF)
หากต้องการให้ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลเติบโต ต้องให้นักลงทุนสถาบันสามารถลงทุนได้ด้วย เช่น ในต่างประเทศมีการออกกองทุนบิทคอยน์ อีทีเอฟ (Bitcoin ETF) ลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล จะทำให้นักลงทุนรายบุคคลได้ทำการศึกษาตัวอย่างการลงทุนและเรียนรู้สินทรัพย์ดิจิทัลเพิ่มขึ้น
นายปรีชา ไพรภัทรกุล กรรมการสมาคมการค้าผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลไทย (TDO) คาดว่าในอีก 1-2 ปีข้างหน้า รัฐบาลในหลายประเทศที่ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลมีการพัฒนาลำดับต้นๆ อาจจะมีการประกาศควบคุมเหรียญที่มีมูลค่าค่อนข้างนิ่ง หรือ กลุ่ม Stable Coin เช่น สหรัฐอเมริกา และยุโรป เพื่อให้สามารถเข้าไปติดตามเหรียญกลุ่มนี้ได้มากขึ้น เพราะเป็นกลุ่มที่ถูกใช้ในการฟอกเงินสูงสุด เช่น USDT ซึ่งเป็นเหรียญที่มีมูลค่าค่อนข้างนิ่ง ไม่ผันผวน มีสัดส่วน 40% ของโลก
การลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัล มีความเสี่ยงสูง เป็นสินทรัพย์ที่ควบคุมราคาไม่ได้ บอกไม่ได้ว่าราคาจะไปถึงไหนอย่างไร ที่ผ่านมามีคนใช้เทคนิคเคิล หรือ กราฟสถิติต่างๆ มาดูเรื่องเก็งกำไร แต่ก็เห็นปากกาหักมาหลายราย การลงทุนจึงต้องใช้ความระมัดระวัง
“เหรียญไหนที่มีจำนวนคนใช้อย่างต่อเนื่อง เพิ่มขึ้นอย่างมั่นคง เช่น บิทคอยน์ เพราะยังไม่มีใครแฮคระบบได้ การปรับตัวของการนำไปใช้มีมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน มีการกระจายตัว มีตลาดอยู่ทั่วโลก ทุกคนสามารถซื้อขายบิทคอยท์ในตลาดซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลได้ในทุกประเทศ ซื้อจากตลาดไทย ไปขายในตลาดฟิลิปปินส์ได้ทันที จนธนาคารหลายแห่งมีการใช้บิทคอยท์ไปส่งเสริมธุรกรรมทางการเงินของธนาคาร จึงเป็นที่นิยม แต่ราคาก็ผันผวน ช่วงนี้ราคากำลังขึ้น ไม่ได้ชี้นำนะ และจากการที่ทางผู้นำสหรัฐฯบอกจะมีการซื้อบิทคอยน์เพื่อเป็นทุนสำรอง คาดว่าธนาคารหลายแห่งอาจจะทำในทิศทางเดียวกันในอนาคต”นายปรีชา กล่าว
โดย วารุณี อินวันนา