HoonSmart.com>> บลจ.กสิกรไทย แนะจัดพอร์ต “กองทุนลดหย่อนภาษี” เสริมแกร่งให้พอร์ตเกษียณ ผ่านกลยุทธ์ Core & Satellite จัดพอร์ตเน้นความยืดหยุ่น สร้างความมั่นคงไปพร้อมกับการเติบโต แนะสัดส่วนลงทุน 80% เน้นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำถึงปานกลางผ่านกองทุนผสม ส่วน 20% เน้นลงทุนระยะสั้น สร้างผลตอบแทนสูงขึ้นจากกองทุนหุ้นต่างประเทศแนวโน้มเติบโต พร้อมคัดกองทุนเด่นน่าสนใจ
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย (KAsset) แนะนำการลงทุนกองทุนลดหย่อนภาษีว่า เมื่อพูดถึงการลงทุนในกองทุนลดหย่อนภาษี คนส่วนใหญ่มักจะมองเห็นประโยชน์เพียงระยะเวลาสั้น ๆ จากการลดหย่อนภาษีในช่วงปลายปี ซึ่งเป็นมุมมองที่ค่อนข้างจำกัด และอาจนำไปสู่การละเลยการจัดพอร์ตลงทุนที่เหมาะสมสำหรับเป้าหมายระยะยาวได้ อีกทั้งเราต้องไม่ลืมว่ากองทุนลดหย่อนภาษีนี้ เป็นเสาหลักทางการเงินที่สำคัญที่สุดในชีวิตหลังเกษียณของเรา เพราะฉะนั้น การจัดพอร์ตกองทุนลดหย่อนภาษีที่เหมาะสม จึงไม่ได้แค่ช่วยประหยัดภาษีเท่านั้น แต่ยังเป็นกุญแจสำคัญสู่การเกษียณอย่างมีความสุขอีกด้วย
หนึ่งในวิธีการจัดพอร์ตที่น่าสนใจ คือ กลยุทธ์ 𝐂𝐨𝐫𝐞 & 𝐒𝐚𝐭𝐞𝐥𝐥𝐢𝐭𝐞 ซึ่งเป็นการจัดพอร์ตที่เน้นความยืดหยุ่น และสร้างความมั่นคงไปพร้อมกับการเติบโต
สำหรับพอร์ตหลัก (Core Portfolio) มีน้ำหนักประมาณ 80% ของพอร์ต เน้นการลงทุนระยะยาว ซึ่งเป้าหมายหลัก คือ ช่วยรักษาเสถียรภาพของพอร์ต ดังนั้น จึงเน้นลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำถึงปานกลาง เช่น กองทุนตราสารหนี้ กองทุนผสม
ตัวอย่างกองทุนแนะนำ ได้แก่ กองทุน K-WPBAL-RMF นโยบายลงทุนผสมบาลานซ์หุ้นและตราสารหนี้ ,กองทุน K-WPSPEED-RMF กระจายการลงทุนในหลากสินทรัพย์ ทั้งในและต่างประเทศ, กองทุน K-WPULTI-RMF ซึ่งเป็นกองทุนผสมเน้นหุ้นเติบโตยาวและกองทุน K-GINCOME-SSF กระจายการลงทุนหลากหลายสินทรัพย์ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น เงินฝาก ตราสารหนี้ หุ้น สินทรัพย์ทางเลือก
ส่วนพอร์ตเสริม (Satellite Portfolio) มีน้ำหนักประมาณ 20% ของพอร์ต เน้นการลงทุนระยะสั้น ซึ่งเป้าหมายหลัก คือ สร้างโอกาสในการลงทุนเพื่อผลตอบแทนที่สูงขึ้น ทำให้ต้องเน้นลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงขึ้น เช่น กองทุนที่ลงทุนรายประเทศ กองทุนรายอุตสาหกรรม หุ้นรายตัว
ตัวอย่างกองทุนแนะนำ ได้แก่ กองทุน K-GSELECT-RMF กองทุนหุ้นโลกตัวท็อป ลงทุนได้ทุกช่วงเวลา , กองทุน K-VIETNAM SSF/RMF ลงทุนในหุ้นเวียดนาม ดาวเด่นอาเซียน , กองทุน K-INDIA-RMF โอกาสเติบโตไปกับตลาดหุ้นอินเดียที่ปรับตัวได้อย่างโดดเด่นในปีนี้ , กองทุน K-PROPI-RMF เน้นลงทุนในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และ/หรือโครงสร้างพื้นฐาน , กองทุน K-FI-RMF ลดความผันผวนของพอร์ต ด้วยตราสารหนี้ไทย , กองทุน K-FIXEDPLUS-SSF เสริมแกร่งพอร์ตระยะยาว ไปพร้อมกับตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศ
“ภาพรวมแล้วสินทรัพย์ในพอร์ต จะมีทั้งตราสารหนี้ สินทรัพย์ผสม และหุ้น ซึ่งเป็นการผสมผสานจุดเด่นของแต่ละสินทรัพย์ไว้ด้วยกัน ช่วยให้การกระจายความเสี่ยงมีประสิทธิภาพ พร้อมกับเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่สม่ำเสมอในระยะยาว”
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการจัดพอร์ตแบบ 𝐂𝐨𝐫𝐞 & 𝐒𝐚𝐭𝐞𝐥𝐥𝐢𝐭𝐞 จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี แต่ต้องมี 3 องค์ประกอบ ได้แก่ 1.การกำหนดเป้าหมายระยะยาวที่ชัดเจน เริ่มจากวิเคราะห์ตัวเองก่อนว่าจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนเท่าไรในแต่ละเดือน โดยพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น อัตราเงินเฟ้อ ค่าใช้จ่ายคงที่ จากนั้นจึงกำหนดระยะเวลาลงทุน โดยคำนึงถึงอายุเกษียณที่ต้องการ
2. ทบทวนและปรับพอร์ตเป็นระยะ กำหนดช่วงเวลาในการทบทวนพอร์ตสม่ำเสมอ เช่น ทุก 6 เดือน หรือ 1 ปี เพื่อประเมินผลการดำเนินงานของแต่ละกองทุน พร้อมกับปรับสัดส่วนการลงทุนให้สอดคล้องกับภาวะตลาด และช่วงอายุ โดยเฉพาะการพิจารณาลดความเสี่ยงของพอร์ตเมื่อใกล้ถึงวัยเกษียณ
3. ใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีตามเงื่อนไขของแต่ละประเภทกองทุน เต็มที่เบื้องต้นจะต้องศึกษาและทำความเข้าใจสิทธิประโยชน์ทางภาษีของกองทุนแต่ละประเภทก่อน ทั้ง SSF, RMF และ ThaiESG จากนั้นจึงค่อยมาคำนวณภาษีล่วงหน้า เพื่อวางแผนการลงทุนให้เหมาะสม และใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสูงสุดตามเพดานที่กำหนด