ดาวโจนส์ปิดลบ 106 จุด บอนด์ยีลด์พุ่ง เฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยอีก

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดลบ ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 106 จุด บอนด์ยีลด์อายุ 10 ปี ยังปรับตัวสูงขึ้นแตะ 4.492% นักลงทุนวิตกดอกเบี้ยจะอยู่ระดับสูงเป็นเวลานาน หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณจะปรับดอกเบี้ยขึ้นอีก “ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 40 เซนต์ ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดลบ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดวันที่ 22กันยายน 2566 ที่ 33,963.84 จุด ลดลง 106.58 จุด หรือ 0.31% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรยังปรับสูงขึ้น นักลงทุนวิตกว่าอัตราดอกเบี้ยจะอยู่ในระดับสูงเป็นเวลานาน หลังธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ส่งสัญญานว่าจะปรับดอกเบี้ยขึ้นอีก

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,320.06 จุด ลดลง 9.94 จุด, -0.23%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,211.81 จุด ลดลง 12.18 จุด, -0.09%

ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 1.9% ดัชนี S&P500 และดัชนี Nasdaq ลดลงมากสุดรายสัปดาห์นับตั้งแต่เดือนมีนาคม โดยดัชนี S&P500 ลดลง 2.9% และดัชนี Nasdaq ลดลง 3.6%

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นมาที่ 4.492% หลังจากแตะระดับสูงสุด 4.5% นับตั้งแต่ปี 2007 ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปีเพิ่มขึ้นมาที่ 5.142% แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2006

เทรดเดอร์ยังกังวลอย่างมากเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อและแนวโน้มของนโยบายจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ และการส่งสัญญาณของเฟดว่าอัตราดอกเบี้ยจะไม่ลดลงในเร็วๆ นี้

เจ้าหน้าที่เฟดสองรายกล่าวว่า อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้อีกอย่างน้อยหนึ่งครั้ง และต้นทุนการกู้ยืมอาจต้องสูงขึ้นไปอีกนานขึ้นเพื่อให้เฟดสามารถดึงเงินให้เฟ้อกลับสู่เป้าหมาย 2% ได้ โดยประธานเฟดสาขาบอสตัน นางซูซาน คอลลินส์ กล่าวว่า การปรับดอกเบี้ยขึ้นอีก ยังมีความเป็นไปได้ส่วน ขณะที่นางมิเชล โบว์แมน หนึ่งในคณะผู้ว่าการ ส่งสัญญาณว่า อาจจำเป็นต้องขึ้นดอกเบี้ยมากกว่าหนึ่งครั้ง

นางแมรี ดาลี ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโก กล่าวว่า ยังไม่สามารถประกาศชัยชนะในการต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อ และเฟดยังคงมุ่งมั่นที่จะควบคุมแรงกดดันด้านราคาอย่างค่อยเป็นค่อยไปเท่าที่จะทำได้

กลุ่มเทคโนโลยีซึ่งร่วงในวันก่อนหน้าปรับตัวขึ้นสวนตลาด โดยหุ้นแอปเปิ้ลพุ่งสูงขึ้นจากไอโฟนและนาฬิการุ่นล่าสุด ได้รับการตอบรับอย่างดีจากตลาด ขณะที่หุ้นจีนที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ พุ่งขึ้นจากรายงานข่าวว่าวอชิงตันและปักกิ่งกำลังจัดตั้งคณะทำงานเพื่อหารือเกี่ยวกับปัญหาเศรษฐกิจและการเงิน

หุ้น Activision Blizzard เพิ่มขึ้น 1.7% หลังหน่วยงานกำกับดูแลด้านการผูกขาดตลาดของอังกฤษอนุมัติให้ไมโครซอฟต์ซื้อกิจการ ในมูลค่า 69 พันล้านดอลลาร์

S&P Global รายงาน ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นเดือนกันยายนลดลงมาที่ 50.1 ต่ำสุดในรอบ 7 เดือน จากระดับ 50.2 ในเดือนสิงหาคม ซึ่งสะท้อนว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจชะลอ

นักลงทุนยังกังวลมากขึ้นว่า หน่วยงานของรัฐบาลต้องปิดทำการ(shutdown) หลังสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ยังคงมีความเห็นไม่ตรงกันร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว
      
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ เป็นการลดลงรายสัปดาห์ที่มากสุด เพราะนักลงทุนวิตกว่าอัตราดอกเบี้ยโลกจะยังปรับสูงขึ้นอีกเป็นเวลานาน

นักลงทุนลดความเสี่ยงหลังจากธนาคารกลางประเทศสำคัญๆ ทั่วโลก รวมถึงธนาคารกลางสหรัฐฯ และธนาคารแห่งอังกฤษ ส่งสัญญานว่าจะคงต้นทุนการกู้ยืมให้สูงนานกว่าที่คาดไว้

ที่ประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่นเมื่อวันศุกร์คงอัตราดอกเบี้ยต่ำพิเศษไว้ที่-0.1% และยังคงคำมั่นที่จะสนับสนุนเศรษฐกิจ บ่งชี้ว่าไม่มีการปรับเปลี่ยนโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่

นักลงทุนยังกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจในยูโรโซนหลังจากข้อมูลเบื้องต้นแสดงให้เห็นว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจในฝรั่งเศสและเยอรมนีหดตัว ในขณะที่ข้อมูลของทั้งภูมิภาคแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจยุโรปมีแนวโน้มที่จะหดตัวในไตรมาสนี้และจะไม่กลับมาเติบโตอีกครั้งในเร็วๆ นี้

กลุ่มธนาคารลดลง 1.4% จากการร่วงลง 6.4% ของ ING Groep และ 4.5% ของ ABN AMRO ในเนเธอร์แลนด์ หลังสภาฯสนับสนุนการเก็บภาษีธนาคารสูงขึ้น เพื่อให้มีงบประมาณเพียงพอรองรับการเพิ่มขึ้นค่าแรงขั้นต่ำและการดูแลเด็กในปี 2024

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 453.26 จุด ลดลง 1.41 จุด, -0.31%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,683.91 จุด เพิ่มขึ้น 5.29 จุด, +0.07%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,184.82 จุด ลดลง 29.08 จุด, -0.40%,
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,557.29 จุด ลดลง 14.57 จุด, -0.09% และ

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือพฤศจิกายนเพิ่มขึ้น 40 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 90.03 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายนลดลง 3 เซนต์ หรือ 0.03% ปิดที่ 93.27 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล