ดาวโจนส์ปิดบวก 273 จุด น้ำมันร่วงแรง จับตากำไรกลุ่ม Magnificent Seven

HoonSmart.com>> ดาวโจนส์ปิดบวก 273 จุด จับตาผลกำไรกลุ่ม Magnificent Seven ด้านสถานการณ์ตะวันออกกลางผ่อนคลายลงหลังอิสราเอลไม่ได้โจมตีแหล่งพลังงานอิหร่าน ช่วยสร้างความเชื่อมั่น ด้านราคาน้ำมันดิบร่วงแรงกว่า 6% ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป”ปิดบวก

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 28 ตุลาคม ปิดที่ 42,387.57 จุด เพิ่มขึ้น 273.17 จุด หรือ +0.65% นักลงทุนรอการรายงานผลประกอบการไตรมาสสามของ 5 บริษัทเทคโนโลยีกลุ่ม Magnificent Seven ที่มีมูลค่าตลาดสูง ทั้ง Meta Platforms, Microsoft, Apple, Amazon และ Alphabet ประกอบกับ สถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ผ่อนคลายลงยังช่วยสร้างความเชื่อมั่นอีกด้วย

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 5,823.52 จุด เพิ่มขึ้น 15.40 จุด, +0.27%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 18,567.19 จุด เพิ่มขึ้น 48.58 จุด, +0.26%

ตลาดได้รับแรงหนุนหลังนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง หลังจากมีรายงานว่าการโจมตีของอิสราเอลต่ออิหร่านเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาไม่ได้มีการโจมตีแหล่งน้ำมัน หรือโรงงานนิวเคลียร์ อย่างที่คาดไว้ และส่งผลให้ราคาน้ำมันลดลง 6%

ในสัปดาห์นี้ บริษัท S&P 500 มากกว่า 90 แห่งเตรียมรายงานผล จนถึงตอนนี้ 37% ของบริษัทใน S&P 500 ได้รายงานผลประกอบการแล้ว ในบรรดาบริษัทเหล่านั้น 78% มีผลกำไรสูงกว่าคาดโดยเฉลี่ย 6% และ 58% มีรายได้สูงกว่าคาดโดยเฉลี่ย 2% ตามข้อมูลจาก Fundstrat

นักลงทุนจับตาไปที่ผลการดำเนินงานไตรมาสที่สามของ Meta Platforms, Microsoft, Apple, Amazon และ Alphabet ซึ่งบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ทั้ง 5 แห่งนี้มีมูลค่าตลาด(market capitalization) รวมกันประมาณ 12 ล้านล้านดอลลาร์

ไมค์ ดิกสัน หัวหน้าฝ่ายวิจัยและกลยุทธ์เชิงปริมาณของ Horizon Investments กล่าวว่า เมื่อพิจารณาจากการมูลค่าที่สูงโดยรวมแล้ว ก็มีการจับตาเป็นพิเศษว่าบริษัทเหล่านี้จะสามารถเติบโตต่อหรือไม่

สัปดาห์นี้ยังเป็นสัปดาห์ที่เต็มไปด้วยข้อมูล ทั้งรายงานการจ้างงานของสหรัฐฯ ประจำเดือนตุลาคม การเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ การจ้างงานนอกภาคเกษตร ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3 และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE)

การสำรวจของนักเศรษฐศาสตร์โดย Reuters คาดว่า การจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 123,000 ตำแหน่งในเดือนตุลาคม ขณะที่อัตราการว่างงานมีแนวโน้มทรงตัวที่ 4.1%

นอกจากนี้ยังเป็นสัปดาห์สุดท้ายก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 5 พฤศจิกายน และการประชุมตัดสินใจนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ในวันที่ 7 พฤศจิกายน

การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐค่อนข้างสูงสี จากการสำรวจของรอยเตอร์/อิปซอสเมื่อเร็วๆ นี้ แสดงให้เห็นว่า รองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต นำโดนัลด์ ทรัมป์ ของพรรครีพับลิกัน ด้วยคะแนน 46% ต่อ 43%

ตลาดยุโรปปิดบวก จากการปรับขึ้นของหุ้นในวงกว้างกลบการอ่อนตัวลงของของหุ้นพลังงานจากราคาน้ำมันที่ตกลง ขณะที่นักลงทุนรอการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญและการายงานผลการดำเนินงานของบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของสหรัฐฯ ที่ในปลายสัปดาห์นี้

กลุ่มพลังงานลดลง 1.3% สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ จากราคาน้ำมันร่วงลงหลังจากที่อิหร่านมองข้ามการโจมตีตอบโต้ของอิสราเอลในช่วงสุดสัปดาห์

ในทางกลับกัน กลุ่มการก่อสร้าง วัสดุ และสื่อนำการปรับขึ้น

กลุ่มเดินทางและสันทนาการซึ่งประกอบด้วยหุ้นสายการบิน เช่น Lufthansa และ easyJet ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน เนื่องจากราคาน้ำมันที่ลดลงส่งผลให้อัตรากำไรเพิ่มขึ้นสำหรับสายการบิน

นักลงทุนจับตา ข้อมูล GDP ไตรมาส 3 ของยูโรโซนและอัตราเงินเฟ้อเดือนตุลาคมในสัปดาห์นี้ หลังแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อดีขึ้นและการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรปเมื่อต้นเดือนนี้

ปัจจัยอื่นๆ ที่มีแนวโน้มกระทบทิศทางตลาดยุโรปและตลาดโลกอื่นๆ ได้แก่ ผลการดำเนินงานจากบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของสหรัฐฯ เช่น Apple และ Microsoft ในสัปดาห์นี้ และการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 5 พฤศจิกายน

หุ้น Philips บริษัทผลิตอุปกรณ์การแพทย์เนเธอร์แลนด์ร่วงลง 17% หลังจากที่ปรับลดแนวโน้มยอดขายประจำปีลง เนื่องจากอุปสงค์ในจีนลดลง

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 520.95 จุด เพิ่มขึ้น 2.14 จุด, +0.41%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,285.62 จุด เพิ่มขึ้น 36.78 จุด, +0.45%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,556.94 จุด เพิ่มขึ้น 59.40 จุด, +0.79%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 19,531.62 จุด เพิ่มขึ้น 68.03 จุด, +0.35%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 4.40 ดอลลาร์ หรือ 6.13% ปิดที่ 67.38 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ธ.ค. ลดลง 4.63 ดอลลาร์ หรือ 6.09% ปิดที่ 71.42 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

———————————————————————————————————————————————