‘LHHOTEL’ กองรีทโรงแรมของกลุ่ม LH เตรียมเสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มทุน คาดยีลด์สูงถึง 10.5%

HoonSmart.com>>การลงทุนในปี 2566 ถือเป็นปีที่ท้าทาย จากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ประกอบกับภาวะดอกเบี้ยขาขึ้นที่กดดันผลประกอบการของผู้ประกอบการทั้งในประเทศและต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ธุรกิจในกลุ่มท่องเที่ยว โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจโรงแรมถือได้ว่าอยู่ในช่วงฟื้นตัวกลับมาอย่างแข็งแรง โดยเฉพาะโรงแรมในกลุ่มพรีเมี่ยม ที่ลูกค้าที่มีกำลังซื้อทั้งในประเทศและต่างประเทศ กลับมาเดินทางท่องเที่ยวและทำให้ธุรกิจโรงแรมในกลุ่มนี้เติบโตเป็นอย่างดี

 

LHHOTEL กองรีทอสังหาฯที่ลงทุนในโรงแรมที่พัฒนาและบริหารโดยกลุ่มแลนด์แอนด์เฮ้าส์ โดยโรงแรมที่ LHHOTEL ลงทุนอยู่ในปัจจุบัน เป็นโรงแรมที่อยู่ในกลุ่ม Upper Upscale ในทำเล Prime CBD กรุงเทพฯ ทั้งหมด ไม่ว่า โรงแรม Grande Centre Point Terminal 21 ตรงแยกอโศก ที่สามารถเดินทางได้สะดวกด้วยรถไฟฟ้า BTS และ MRT โรงแรม Grande Centre Point Ratchadamri แหล่งศูนย์กลางแหล่งชอปปิ้งของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ และ โรงแรม Grande Centre Point Sukhumvit 55 ใจกลางสุขุมวิท ทองหล่อ ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี ซึ่งโรงแรมทั้ง 3 ที่มีผลการดำเนินงานภายหลังจากการเปิดประเทศที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยครึ่งแรกของปี 2566 โรงแรมที่ LHHOTEL ลงทุนอยู่ในปัจจุบัน มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยครึ่งปีแรกสูงถึง ประมาณ 90% และมีอัตราค่าห้องพักเฉลี่ยสูงกว่าช่วงก่อนโควิด ถึง 20% โดยในช่วง 8 เดือนครึ่งของปี 2566 กอง LHHOTEL จ่ายปันผลในอัตรา 0.88 บาทต่อหน่วย

โดยล่าสุด ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ แอล เอช โฮเทล (LHHOTEL) เตรียมระดมทุนเพิ่มเติม เพื่อนำเงินไปลงทุนใน 2 โรงแรมระดับ 5 ดาว ที่ถือเป็นแลนด์มาร์คในย่านพัทยาเหนือ จังหวัดชลบุรี ซึ่งผ่านการพิสูจน์ผลการดำเนินงานจากอัตราการเข้าพักเฉลี่ยในรอบครึ่งปีแรกของปี 2566 ที่สูงถึง 91% และยังสามารถนำไปต่อยอดพอร์ตทรัพย์สินปัจจุบันที่มี 3 โรงแรมระดับ 5 ดาว บนทำเลทองใจกลางเมืองย่านธุรกิจในกรุงเทพฯ อัตราการเข้าพักเฉลี่ยกว่า 90% ให้มีศักยภาพสูงมากยิ่งขึ้น

LHHOTELจะเสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มทุน เพื่อลงทุนใน 2 โรงแรมที่มีศักยภาพสูงจากบริษัท แอล เอช มอลล์ แอนด์ โฮเทล จำกัด ในเครือ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (LH) โดยคาดว่าสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน พร้อมประมาณการยีลด์หลังเพิ่มทุนสูงถึง 10.5% ในปี 2567 โดยผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมที่มีรายชื่อในสมุดทะเบียนผู้ถือหน่วยทรัสต์ ณ วันที่ 27 กันยายน 2566 สามารถจองซื้อได้วันที่ 16 –20 ตุลาคม 2566 และประชาชนทั่วไป จองซื้อวันที่ 24 – 27 ตุลาคม 2566 ผ่านธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)

โรงแรมปัจจุบัน และ โรงแรมที่จะลงทุนเพิ่มเติม พัฒนาและบริหารโดยกลุ่มแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เมื่อผสมผสานกับความโดดเด่นทั้งในด้านทำเล และจุดขายของโรงแรมหรูระดับ 5 ดาว ใน concept “Value for money” ของโรงแรมภายใต้แบรนด์แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ รวมถึงธุรกิจโรงแรมที่เป็นเทรนด์ตามอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ซึ่งถือเป็นอุตสาหกรรมหลักของไทย ก็สามารถมองเห็นอนาคตที่สดใสของ LHHOTEL ได้ชัดเจน

จุดเด่นเริ่มตั้งแต่ที่ตั้งของโรงแรม อยู่บนทำเลทอง “พัทยา” เดินทางสะดวก ใช้เวลาประมาณ 40 นาทีจากท่าอากาศยานอู่ตะเภา จ.ระยอง หรือขับรถเพียง 1 ชั่วโมงครึ่งจากกรุงเทพฯ ที่สำคัญ กลุ่มลูกค้าระดับบน โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ชื่นชอบการมาเที่ยวและพักผ่อนที่เมืองพัทยาปีละหลายครั้ง การลงทุนครั้งนี้จึงเป็นการขยายฐานรายได้ให้เติบโตไปกับเมืองท่องเที่ยวระดับโลกอีกด้วย

ที่สำคัญ โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สเปซ พัทยา เป็นโรงแรมระดับ Luxury จำนวน 490 ห้อง ได้รับรางวัลด้านการออกแบบระดับนานาชาติหลายรางวัล โดดเด่นด้วยดีไซน์คอนเซ็ปต์อวกาศแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย พร้อมสวนน้ำอวกาศ Space Water Park ขนาดใหญ่กว่า 12,000 ตารางเมตร มีศูนย์ประชุมขนาดใหญ่ สุดทันสมัย สปาและออนเซ็นวิวทะเลแห่งแรกของประเทศไทย สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวและตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตส์ของผู้เข้าพักได้เป็นอย่างดี สะท้อนจากอัตราเข้าพักเฉลี่ยสูงตั้งแต่เปิดดำเนินการในปี 2565 และยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องถึง 91% ในครึ่งปีแรกของปี 2566

ส่วนโรงแรม แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ พัทยา ก็มีความโดดเด่นไม่แพ้กัน มีจำนวน 396 ห้องพัก ตั้งอยู่บนศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 พัทยา แวดล้อมด้วยร้านอาหาร สถานบันเทิง และสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน ที่สำคัญอยู่ห่างจากชายหาดพัทยาเพียง 500 เมตร มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยสูงถึง 91% ในครึ่งปีแรกของปี 2566 เช่นเดียวกัน

การได้โรงแรมใหม่ 2 แห่งที่พัทยามาเติมพอร์ตที่เป็นโรงแรมระดับ 5 ดาว ใจกลางเมืองย่านธุรกิจในกรุงเทพฯ จะยิ่งสร้างความโดดเด่นของผลประกอบการและความแข็งแแกร่งของ LHHOTEL

แนวโน้ม LHHOTELจะมีความแข็งแกร่งมากขึ้น ด้วยผลการดำเนินงานที่มีแนวโน้มเติบโตขึ้นตามสถานการณ์การท่องเที่ยวของไทยที่ฟื้นตัว โดยล่าสุดรัฐบาลมีนโยบายที่ให้ความสำคัญแก่ภาคท่องเที่ยวของประเทศไทย โดยยกเป็นนโยบายเร่งด่วนเพื่อผลักดันให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจภายในประเทศ ตัวอย่างเช่น นโยบายการยกเลิกการทำวีซ่าของนักท่องเที่ยวชาวจีน ซึ่งจะช่วยให้จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอีกจากประมาณการเดิมที่มีการเติบโตเป็นอย่างดี

โดยในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ (1 ม.ค.-3 ก.ย.2566) จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยทั้งสิ้น 18,076,075 คน สร้างรายได้แล้วจำนวน 755,720 ล้านบาท โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์ว่าในปี 2566 จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาไม่น้อยกว่า 25 ล้านคน หลังจากนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเข้ามามากขึ้น ส่วนในปี 2567 จำนวนนักท่องเที่ยวจะมีโอกาสกลับไปสู่ระดับ 39-40 ล้านคน ทำให้รายได้ของกองทรัสต์มีแนวโน้มเติบโตขึ้น และเป็นการกระจายความเสี่ยงในพอร์ตของ LHHOTEL มากขึ้น

ผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น สะท้อนถึงผลประโยชน์ตอบแทนที่ผู้ถือทรัสต์จะได้สูงขึ้น โดยครึ่งปีแรกของปี 2566 (ม.ค-มิ.ย.) กองทรัสต์มีกำไรกว่า 398 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 548% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าที่อยู่ภายใต้สถานการณ์ COVID-19 ทั้งนี้เป็นผลมาจากผลการดำเนินงานที่ฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของโรงแรมที่กองทรัสต์เข้าลงทุนสอดคล้องกับการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวไทย

LHHOTEL มองเห็นทิศทางการเติบโตสูง การตัดสินใจลงทุนเพิ่มเติมในโรงแรมที่พัทยาถือเป็นจังหวะที่เหมาะสม ได้ทรัพย์สินที่มีศักยภาพสูงมารวมไว้ในพอร์ต ท่ามกลางสถานการณ์การลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ ที่มีความไม่แน่นอน ตามภาวะเศรษฐกิจโลก รวมถึงความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์โลก กองทรัสต์เป็นหนึ่งในทางเลือกในการลงทุนที่ดี แต่จะให้ชัวร์ต้องพิจารณาถึงคุณภาพของทรัพย์สินให้ดี เชื่อว่า 5 โรงแรมระดับ 5 ดาวในพอร์ต LHHOTEL แห่งนี้ จะสามารถสร้างผลตอบแทนระยะยาวสูงสม่ำเสมอและเติบโตขึ้นอย่างแน่นอน

ทั้งนี้ผู้สนใจสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.lhhotelreit.com และศึกษารายละเอียดได้จากแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวนที่ https://market.sec.or.th/public/ipos/IPOSEQ01.aspx?TransID=528011&lang=th

คำเตือน: ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน