ดาวโจนส์ปิดดิ่ง 259 จุด Nasdaq ออลไทม์ไฮใหม่

HoonSmart.com>>ดาวโจนส์ปิดดิ่ง 259 จุด ตลาดยังไม่แน่ใจนโยบายอัตราดอกเบี้ยของเฟด อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 4.23% ใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน ส่วน Nasdaq บวกทำจุดสูงสุดใหม่อีกครั้ง จากหุ้นเทคโนโลยีใหญ่ปรับขึ้น ส่วนตลาดหุ้นยุโรปลดลงจากผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์  ราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 25 ตุลาคม ปิดที่ 42,114.40 จุด ลดลง 259.96 จุด หรือ -0.61% แต่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ระดับสูงสุด (all-time high )ใหม่ จากการปรับขึ้นของหุ้นเทคโนโลยีใหญ่ ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวขึ้น จากความไม่แน่นอนของการตัดสินใจนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ซึ่งกลบผลประกอบการที่แข็งแกร่ง

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ ที่ 5,808.12 จุด ลดลง 1.74 จุด, -0.03%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 18,518.61 จุด เพิ่มขึ้น 103.12 จุด, +0.56%

ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 2.68% ดัชนี S&P500 ลดลง 0.96% แต่ดัชนี Nasdaq บวก 0.16%

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีหนุนตลาดก่อนการรายงานผลประกอบการ โดยหุ้น Nvidia เพิ่มขึ้น 0.8% และหุ้น Meta Platforms หุ้น Amazon และหุ้น Microsoft ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน Meanwhile,

ผลการดำเนินงานที่ดีกว่าคาดของ Tesla ในวันก่อนหน้าทำให้นักลงทุนจับตาผลประกอบการของหุ้นกลุ่ม Magnificent Seven อีก 5 บริษัทในสัปดาห์หน้า ทั้ง Alphabet, Meta ,Microsoft, Apple และ Amazon ราคาหุ้น Tesla เพิ่มขึ้น 3.36%

ส่วนผลประกอบการของกลุ่มอื่นๆ HCA Healthcare ลดลงเกือบ 9% หลังจากรายงานว่าพายุเฮอริเคนได้กระทบรายได้และคาดการณ์ทั้งปี ขณะที่หุ้น Colgate-Palmolive ลดลง 4% หลังบริษัทปรับลดยอดขายไปที่ระดับต่ำสุดของประมาณการทั้งปี

ตลาดยังไม่แน่ใจ เกี่ยวกับนโยบายอัตราดอกเบี้ยของเฟด อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี ปรับเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 4.23% ใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือนที่เหนือ 4.25% เมื่อกลางสัปดาห์

ฟิลลิป โคลมาร์ หุ้นส่วนผู้จัดการและนักกลยุทธ์ระดับโลกของ MRB Partners กล่าวว่า ปัจจัยสำคัญในขณะนี้คืออัตราผลตอบแทนพันธบัตร ทำให้เกิดความไม่แน่นอนอย่างมาก และนักลงทุนกำลังวิเคราะห์กันบ้าง

นอกจากนี้นักลงทุนวิเคราะห์ข้อมูลเศรษฐกิจชุดใหม่ก่อนรายงานการจ้างงานในสัปดาห์หน้า

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงาน ในเดือนกันยายนยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป ลดลง 0.8% น้อยกว่าการลดลง 1.1% ที่นักวิเคราะห์คาด ส่วนยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐาน ที่ไม่รวมเครื่องบิน และสินค้าด้านอาวุธ และบ่งชี้แผนการใช้จ่ายของภาคธุรกิจ เพิ่มขึ้น 0.5% สูงกว่า 0.1% ที่นักวิเคราะห์คาด

สก็อตต์ เร็น นักกลยุทธ์การตลาดอาวุโสระดับโลกของ Wells Fargo Investment Institute มองว่า อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นในตลาดตราสารหนี้ในช่วง 6 สัปดาห์ที่ผ่านมา สะท้อนถึงนักลงทุนที่ปรับตัวตามข้อมูลล่าสุดที่แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจแข็งแกร่งกว่าที่คาดไว้ และการปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอาจไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยการเดิมพันว่าใครจะเป็นผู้ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่กำลังจะมีขึ้น

ในขณะเดียวกัน ผลสำรวจจากมหาวิทยาลัยมิชิแกนที่เผยแพร่เมื่อวันศุกร์แสดงให้เห็นว่าความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเพิ่มขึ้นในเดือนนี้ โดยความเชื่อมั่นของสมาชิกพรรครีพับลิกันเพิ่มขึ้นท่ามกลางการเลือกตั้งที่สูสีกันระหว่างโดนัลด์ ทรัมป์ และกมลา แฮร์ริส

มหาวิทยาลัยมิชิแกนรายงาน ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 70.5 ในเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน และสูงกว่า 68.9 ที่นักวิเคราะห์คาด จากระดับ 70.1 ในเดือนกันยายน
ในสัปดาห์หน้านักลงทุนรอข้อมูลอัปเดตทางเศรษฐกิจ ทั้งรายจ่ายการบริโภคส่วนบุคคลในเดือนกันยายน ซึ่งเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ รวมถึงการจ้างงานในเดือนตุลาคม และการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่ในสัปดาห์ต่อมา

ตลาดยุโรปปิดลบจากผลประกอบการที่อ่อนแอจากบริษัทที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ เช่น Mercedes-Benz และ Valeo และผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า Electrolux ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน

ดัชนี STOXX 600 ทั่วยุโรปปิดลดลงเป็นวันที่สองติดต่อกันและลดลงเป็นครั้งแรกในรอบสามสัปดาห์ โดยหุ้นอสังหาริมทรัพย์ลดลงมากสุดในสัปดาห์นี้

หุ้นกลุ่มรถยนต์ปรับตัวลง โดยหุ้น Mercedes-Benz ของเยอรมนีลดลง 1% หลังจากกำไรไตรมาสสามในแผนกรถยนต์หลักต่ำกว่าการคาดการณ์

หุ้นValeo ลดลง 9.5% จากการปรับลดคาดการณ์ยอดขายทั้งปีเป็นครั้งที่สองในปีนี้
หุ้น Electrolux ร่วงลง 14.6% หลังจากผลประกอบการไตรมาสสามต่ำกว่าคาดการณ์จากการขาดทุนอย่างต่อเนื่องในสหรัฐฯ และการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นจากจีน

ผลสำรวจเผยให้เห็นว่าความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนีดีขึ้นเกินคาดในเดือนตุลาคม ส่งผลให้มีความหวังว่าจะมีการผ่อนคลายนโยบายบางส่วนในช่วงสิ้นปี ขณะที่นักลงทุนรอข้อมูลผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศไตรมาสที่สามในสัปดาห์หน้า
หุ้น Sanofi ผู้ผลิตยาฝรั่งเศสเพิ่มขึ้น 2.5% หลังจากรายงานการเติบโตของกำไรไตรมาสที่สาม ที่แข็งแกร่งกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 518.81 จุด ลดลง 0.17 จุด หรือ -0.03%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,248.84 จุด ลดลง 20.54 จุด หรือ -0.25%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,497.54 จุด ลดลง 5.74 จุด หรือ -0.08%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 19,463.59 จุด เพิ่มขึ้น 20.59 จุด หรือ +0.11%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น1.59 ดอลลาร์ หรือ 2.27% ปิดที่ 71.78 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 1.67 ดอลลาร์ หรือ 2.25% ปิดที่ 76.05ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

———————————————————————————————————————————————