HoonSmart.com>>บล.กสิกรไทยให้แนวรับ 1,450 และ 1,435 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,475 และ 1,490 จุด จากสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนีปรับตัวลง วอลุ่มบาง นักลงทุนต่างชาติขายหุ้น 2,781 ล้านบาท ด้านค่าเงินบาท ธนาคารกสิกรไทยให้กรอบเคลื่อนไหวที่ระดับ 33.50-34.20 บาทต่อดอลลาร์ฯ
บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทยมองหุ้นสัปดาห์ถัดไป (28 ต.ค.-1 พ.ย.2567) ดัชนีหุ้นมีแนวรับที่ 1,450 และ 1,435 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,475 และ 1,490 จุด ตามลำดับ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลประกอบการไตรมาส 3/2567 ของบจ.ไทย และทิศทางเงินทุนต่างชาติ
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/2567 การจ้างงานภาคเอกชนของ ADP ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร อัตราการว่างงาน ดัชนี ISM/PMI ภาคการผลิตเดือนต.ค. รายได้และรายจ่ายส่วนบุคคล ดัชนี PCE/Core PCE Price Index เดือนก.ย. รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/2567 และดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนต.ค. (เบื้องต้น) ของยูโรโซน การประชุม BOJ ตลอดจนดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนต.ค. ของญี่ปุ่น จีน และอังกฤษ
ในวันศุกร์ที่ 25 ต.ค. 2567 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,463.42 จุด ลดลง 1.77% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 48,619.45 ล้านบาท ลดลง 27.16% ส่วนดัชนี mai ลดลง 0.95% มาปิดที่ระดับ 337.11 จุด
หุ้นแกว่งตัวในกรอบแคบช่วงต้นสัปดาห์ ก่อนจะปรับตัวลงในเวลาต่อมาตามแรงขายทำกำไร (หลังจากปรับตัวขึ้นค่อนข้างแรงในช่วงก่อนหน้านี้) โดยเฉพาะจากกลุ่มนักลงทุนต่างชาติและนักลงทุนสถาบันไทย นอกจากนี้การปรับตัวลงของหุ้นไทยในระหว่างสัปดาห์ยังสอดคล้องกับทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศท่ามกลางการปรับมุมมองของตลาดที่ประเมินว่าเฟดจะไม่เร่งลดดอกเบี้ย ประกอบกับยังมีความไม่แน่นอนของผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 5 พ.ย. 2567 นี้ด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ดี หุ้นฟื้นตัวกลับมาได้บางส่วนช่วงปลายสัปดาห์ โดยมีแรงซื้อหุ้นบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่จากคาดการณ์ผลประกอบการไตรมาส 3/2567 เข้ามาหนุน หนุนให้หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้น สวนทางกับภาพรวมที่ปรับตัวลงถ้วนหน้า อนึ่ง ปริมาณการซื้อขายในสัปดาห์นี้ค่อนข้างเบาบาง เนื่องจากขาดปัจจัยใหม่ๆ เข้ามาหนุน
ทางด้านธนาคารกสิกรไทยมองค่าเงินบาทระหว่างวันที่ 28 ต.ค.-1 พ.ย.มองกรอบการเคลื่อนไหวที่ระดับ 33.50-34.20 บาทต่อดอลลาร์ฯ
วันศุกร์ที่ 25 ต.ค. 2567 เงินบาทปิดตลาดในประเทศที่ 33.79 บาท อ่อนตัวลงเทียบกับระดับ 33.16 บาท ในวันศุกร์ก่อนหน้า (18 ต.ค. 67)
เงินบาทอ่อนค่าผ่านแนว 33.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ ไปแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 6 สัปดาห์ (นับตั้งแต่ 11 ก.ย. 2567) ที่ระดับ 33.84 บาท สอดคล้องกับภาพการอ่อนค่าของสกุลเงินอื่นๆ ในเอเชียและเงินหยวน หลังจากที่ธนาคารกลางจีนประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ย LPR ระยะ 1 ปี และ 5 ปี ลง ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ ขยับแข็งค่าขึ้นตามทิศทางบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ที่ปรับตัวขึ้นท่ามกลางการคาดการณ์ว่า เฟดจะทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป ประกอบกับตลาดมีการปรับมุมมองบางส่วนในการเพิ่มโอกาสความเป็นไปได้ที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ อาจชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในครั้งนี้
นอกจากนี้ การอ่อนค่าของเงินบาทยังสอดคล้องกับสถานะขายสุทธิพันธบัตรและหุ้นไทยของนักลงทุนต่างชาติในระหว่างสัปดาห์ สวนทางเงินดอลลาร์ฯ ที่มีปัจจัยบวกจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาทิ ดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นสำหรับเดือนต.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ที่ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดด้วยเช่นกัน
สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 21-25 ต.ค. 2567 นั้นขายสุทธิหุ้นไทย 2,781 ล้านบาท และมีสถานะอยู่ในฝั่ง Net Outflows ออกจากตลาดพันธบัตรไทย 4,094 ล้านบาท (แบ่งเป็น ขายสุทธิพันธบัตร 4,084 ล้านบาท และตราสารหนี้หมดอายุ 10 ล้านบาท)