HoonSmart.com>> “ธนาคารกรุงศรี” คาดเงินบาทสัปดาห์นี้ซื้อขายในกรอบ 32.80-33.55 บาท/ดอลลาร์ ปัจจัยชี้นำ “ราคาทองคำ” ตลาดโลกและการเมืองสหรัฐฯ
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า เงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 32.80-33.55 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดแข็งค่าที่ 33.15 ต่อดอลลาร์ หลังซื้อขายในช่วง 33.09-33.45 โดยเงินดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับทุกสกุลเงินสำคัญในสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังยอดค้าปลีกเดือนก.ย. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ ดีเกินคาด
ทางด้านธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ลดดอกเบี้ยเงินฝากลง 25bp สู่ 3.25% ซึ่งถือเป็นการลดดอกเบี้ยลงเป็นครั้งที่สามของปีนี้และเป็นการปรับลดติดต่อกัน (back to back) เป็นครั้งแรกในรอบ 13 ปี โดยอีซีบีระบุว่าเงินเฟ้อยูโรโซนอยู่ภายใต้การควบคุม ขณะที่ประธานอีซีบีไม่ได้ส่งสัญญาณต่อแนวโน้มดอกเบี้ย และยังคงดำเนินนโยบายบนสมมุติฐานที่ว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป
ทั้งนี้ ตลาดคาดว่าอีซีบีจะลดดอกเบี้ยลงต่อในเดือนธ.ค. ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นและพันธบัตรไทยสุทธิ 977 ล้านบาท และ 5,188 ล้านบาท ตามลำดับ
สำหรับภาพรวมในสัปดาห์นี้ กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่า ปัจจัยชี้นำหลักยังคงอยู่ที่ราคาทองคำในตลาดโลกและการเมืองสหรัฐฯ ขณะที่การฟื้นตัวของค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญได้แรงหนุนจากการปรับสถานะของนักลงทุนสำหรับโอกาสที่อดีตปธน.ทรัมป์จะได้รับเลือกตั้งเป็นผู้นำสหรัฐฯ สมัยที่สอง นอกจากนี้ มุมมองที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะลดดอกเบี้ยลงอย่างช้าๆ หลังจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาสดใสเกินคาด ซึ่งตรงกันข้ามกับการทบทวนการคาดการณ์ต่อธนาคารกลางหลักแห่งอื่นๆ อาจจำกัดแรงขายดอลลาร์ในภาพรวม
สำหรับปัจจัยในประเทศ กนง.ลงมติ 5 ต่อ 2 เสียงให้ลดดอกเบี้ยเพื่อช่วยบรรเทาภาระหนี้ โดยไม่เป็นอุปสรรคต่อกระบวนการลดสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อรายได้ ภายใต้บริบทที่สินเชื่อมีแนวโน้มขยายตัวชะลอลง โดยธปท.ปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 67 และ 68 เป็นเติบโต 2.7% และ 2.9% จากเดิม 2.6% และ 3.0% ตามลำดับ กรรมการสองรายสนับสนุนให้คงดอกเบี้ยโดยมองว่ายังเป็นระดับที่สอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ และให้น้ำหนักกับการรักษาเสถียรภาพในระยะยาวและขีดความสามารถของนโยบายการเงินสำหรับความไม่แน่นอนในอนาคต อนึ่ง หลังจากการลดดอกเบี้ยครั้งนี้ มองว่ากนง. อาจพักรอดู
อย่างไรก็ตาม หากเศรษฐกิจย่ำแย่เกินคาด กนง.อาจลดดอกเบี้ยสู่ 2.00% ซึ่งน่าจะเป็นระดับดอกเบี้ยที่เป็นกลาง (neutral rate) และปลายทางของรอบ