IROYAL เคาะราคาไอพีโอ 6.50 บาท จองซื้อ 24-28 ต.ค.เข้า mai พ.ย.นี้

HoonSmart.com>> “อินเตอร์รอแยล เอ็นจิเนียริ่ง”(IROYAL) ผู้ให้บริการด้านวิศวกรรม ประกาศราคาขายหุ้น IPO ที่ 6.50 บาทต่อหุ้น เปิดจองซื้อ 24-25 และ 28 ต.ค.67 คาดเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ภายในพ.ย.นี้ วาง 7 กลยุทธ์สร้างการเติบโต ขยายโมเดลธุรกิจที่สร้างความมั่นคงทางด้านพลังงานไฟฟ้า ขยายไปสู่กลุ่มอุตสาหกรรมอื่นๆ เร่งขับเคลื่อนพลังงานสู่ความยั่งยืน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

นางสาวนลิน วิริยะเสถียร กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า บริษัท อินเตอร์รอแยล เอ็นจิเนียริ่ง (IROYAL) ได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ที่ราคา 6.50 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E) เท่ากับ 15.83 เท่า ถือเป็นราคาที่เหมาะสมที่สะท้อนความแข็งแกร่งในการดำเนินงานของบริษัทฯ และศักยภาพการเติบโตในการเป็นผู้นำธุรกิจด้านโซลูชั่นพลังงานไฟฟ้า และพร้อมขยายการให้บริการการจัดหาผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น โดยจะเปิดให้นักลงทุนจองซื้อหุ้น IPO ในวันที่ 24-25 และ 28 ต.ค.2567 คาดว่าจะนำหุ้นเข้าจดทะเบียนและซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ภายในเดือนพ.ย.นี้

ทั้งนี้ IROYAL มีทุนจดทะเบียน 115 ล้านบาท และทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 86 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญ 230 ล้านหุ้น โดยจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 58 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท หรือคิดเป็นไม่เกิน 25.22% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ โดยบริษัทฯ จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้ในการประมูล และค้ำประกันผลงาน งานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และเอกชน เพื่อเพิ่มโอกาสในการขยายการรับงานของบริษัทฯ ในอนาคต และส่วนที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในบริษัทฯ

นายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ของ บริษัท อินเตอร์รอแยล เอ็นจิเนียริ่ง (IROYAL) ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่ช่วยเสริมศักยภาพการดำเนินงาน และฐานะการเงินเพื่อรองรับการเติบโต พร้อมด้วยจุดเด่นที่สำคัญคือ ผู้บริหารเป็นผู้มีความรู้ และประสบการณ์ในธุรกิจมาอย่างยาวนานกว่า 40 ปี รวมถึงไม่มีคู่แข่งทางตรงที่ทำธุรกิจเหมือนกับกลุ่มบริษัทฯ โดยบริษัทฯ สามารถจัดหาผลิตภัณฑ์ และบริการให้กับลูกค้าได้หลากหลายประเภทอย่างครบวงจร ขณะที่ผู้ให้บริการจัดหาและให้บริการรายอื่นจะเน้นให้บริการจัดหาผลิตภัณฑ์ประเภทใดประเภทหนึ่ง

สำหรับ IROYAL มุ่งเน้นการจัดหาผลิตภัณฑ์ และการให้บริการที่มีคุณภาพและมาตรฐานสูงจากผู้ผลิตที่มีนวัตกรรมและเทคโนโลยี มีความเชี่ยวชาญในการผลิต โดยอาศัยเทคนิคเฉพาะทาง ประสบการณ์ และความน่าเชื่อถือ การส่งมอบตรงเวลา การบริการหลังการขายและราคาที่เหมาะสม

นายภณภัทร เมฆาสุวรรณดำรง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินเตอร์รอแยล เอ็นจิเนียริ่ง (IROYAL) (บริษัทฯ) เปิดเผยว่า บริษัทฯ เดินหน้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ซึ่งนับเป็นอีกก้าวของความสำเร็จที่จะเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันเพื่อรับโอกาสทางธุรกิจ และมุ่งสู่การเป็นผู้นำในการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ และระบบวิศวกรรมที่มีลักษณะเฉพาะ ที่จะสร้างความมั่นคง และเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตพลังงานไฟฟ้า พร้อมด้วยการขยายไปสู่กลุ่มอุตสาหกรรมอื่นๆ ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมระดับโลก โดยมุ่งขับเคลื่อนไปสู่ธุรกิจที่สร้างความยั่งยืน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมตามวิสัยทัศน์ที่วางไว้

ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้แต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย พร้อมแต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์อีก 4 ราย เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายหุ้น IPO ของ IROYAL ประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์ ไอร่า , บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย),บริษัทหลักทรัพย์ พาย และบริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้

ทั้งนี้ บริษัทฯ วางแนวทางการดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตผ่าน 7 กลยุทธ์ ได้แก่ 1. การขายโดยมุ่งเน้นการได้รับการคัดเลือกเป็นผู้ให้บริการและการรับงานตรงจากลูกค้า โดยบริษัทฯ ให้ความสำคัญตั้งแต่กระบวนการคัดสรรผลิตภัณฑ์แต่ละประเภทจากผู้ผลิตที่มีความเชี่ยวชาญในผลิตภัณฑ์ชนิดนั้นๆ สำหรับการให้บริการ กลุ่มบริษัทให้บริการผ่านทีมงานขายที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทมีการประเมินความเสี่ยงของโครงการ เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถส่งมอบงานได้ตามคุณภาพ ความถูกต้องครบถ้วนตามขอบเขตงาน และระยะเวลาที่กำหนด เพื่อให้ตรงตามความต้องการของลูกค้ามากที่สุด

2. เป็น One Stop Service ด้านการบริการจัดหาอุปกรณ์และโซลูชั่นในโรงไฟฟ้าและอุตสาหกรรมอื่นๆ บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการสร้าง และรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าในระยะยาว โดยมุ่งเน้นการสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าในการให้บริการรอบด้านและการตระหนักถึงการบริการที่จะสร้างประโยชน์แก่ลูกค้าอย่างยั่งยืนมากกว่าแค่การให้บริการทั่วไป

3. สร้างพันธมิตรทางธุรกิจเป็น Sole Distributors และ Exclusive dealers เนื่องจากผู้ผลิตเปรียบเสมือนหุ้นส่วนที่ต้องทำงานร่วมกันในระยะยาว โดยการสร้างและรักษาความสัมพันธ์กับผู้ผลิต เน้นการสร้างความไว้วางใจ ให้คุณค่าต่อกัน

4. พัฒนาศักยภาพของบุคลากรทุกส่วนงานอย่างสม่ำเสมอ เพื่อธำรงไว้ซึ่งทรัพยากรบุคคลที่มีคุณค่า

5. บริหารจัดการสินค้าคงคลังอย่างมีประสิทธิภาพ บริษัทฯ ไม่มีนโยบายในการสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ล่วงหน้า และไม่มีผลิตภัณฑ์รอจำหน่าย โดยให้ความสำคัญตลอดกระบวนการจัดหาและติดตั้ง เพื่อการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ และลดความเสี่ยงในการสูญเสียของผลิตภัณฑ์

6. ด้านความยั่งยืน โดยบริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการพัฒนาองค์กรเพื่อให้สามารถแข่งขันและเติบโตอย่างยั่งยืน เพื่อสร้างคุณค่าด้านเศรษฐกิจ ลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีของคนในองค์กร และสังคม

7. สร้างข้อได้เปรียบในการแข่งขัน เพื่อสนับสนุนความสามารถในการแข่งขัน พร้อมต่อยอดการดำเนินธุรกิจให้บริการแบบครบวงจร

นางสาวประภาพรรณ ประภัทรโพธิพงศ์ กรรมการบริษัท บริษัท อินเตอร์รอแยล เอ็นจิเนียริ่ง (IROYAL) กล่าวว่า บริษัทฯ ถือเป็นผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการด้านวิศวกรรม เพื่อจัดหา และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่มีลักษณะเฉพาะ โดยมีความเชี่ยวชาญในการจัดหาผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในระบบการผลิตของโรงไฟฟ้าและโรงงานอุตสาหกรรมมาอย่างยาวนานมากกว่า 40 ปี รวมถึงมีการบริหารสินค้าคงคลังในส่วนที่กลุ่มบริษัทจัดหาและจำหน่าย นอกจากนี้ มีบริษัทย่อยภายใต้ชื่อ บริษัท ซีนิท เพาเวอร์ ซิสเต็ม จำกัด (ZENITH) โดยถือหุ้นในสัดส่วน 99.99% ดำเนินธุรกิจที่สอดรับกับทิศทางของกลุ่มบริษัทฯ

บริษัทฯ ได้รับความไว้วางใจจากเจ้าของตราผลิตภัณฑ์ชั้นนำในต่างประเทศ แต่งตั้งให้เป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในระบบต่างๆ มากกว่า 22 ตราผลิตภัณฑ์ จนเป็นที่ยอมรับจากกลุ่มลูกค้าภาครัฐและเอกชนมาอย่างยาวนาน โดยปัจจุบันกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ IROYAL ให้บริการจัดหาและจำหน่ายจะเน้นเป็นผลิตภัณฑ์ที่สนับสนุนกระบวนการผลิตหรือการทำงานให้มีประสิทธิภาพ และเกิดประโยชน์สูงสุด รวมถึงสามารถลดผลกระทบหรือแก้ปัญหาทางด้านสิ่งแวดล้อมได้ โดยปัจจุบันแบ่งผลิตภัณฑ์เป็น 4 กลุ่ม ได้แก่

1. กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในระบบเผาไหม้ (Combustion System) เช่น อุปกรณ์กำจัดเขม่าควัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้า นอกจากนี้ จะมีอุปกรณ์แลกเปลี่ยนความร้อนในระบบเผาไหม้ ทำหน้าที่ถ่ายเทความร้อนเพื่อเพิ่มพลังความร้อนที่ใช้ในระบบเผาไหม้ สามารถใช้ได้ในอุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น โรงกลั่นน้ำมันหรือโรงงานปิโตรเคมี

2. กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในระบบจัดการของเสีย และไอเสีย (Flue Gas Management System) เช่น ระบบระบายอากาศ และพัดลมอุตสาหกรรม, อุปกรณ์ดักจับฝุ่นละอองชนิดไฟฟ้าสถิต อุปกรณ์ดักจับละอองน้ำ โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในระบบจัดการของเสียและไอเสียสามารถใช้ได้ในอุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น โรงงานปูนซีเมนต์ เป็นต้น

3. กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในระบบแลกเปลี่ยนความร้อน (Heat Exchanger System) เช่น แผงระบายความร้อน ซึ่งอยู่ในหอหล่อเย็นที่ทำหน้าที่ลดอุณหภูมิน้ำและวนกลับไปใช้ในโรงงานหรือระบบต่างๆ เป็นต้น

4. กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในระบบอื่น ๆ ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับระบบน้ำ เช่น เครื่องกรองอนุภาคระดับไมครอนในน้ำดิบปั๊มน้ำอุตสาหกรรม เป็นต้น และผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับระบบสำรองไฟฟ้าและพลังงาน เช่น เครื่องสำรองไฟฟ้า เครื่องกำเนิดไฟฟ้า ที่สามารถใช้ในกลุ่มโรงแรม อาคารขนาดใหญ่ อาคารโรงพยาบาล หรือศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่

ขณะที่กลุ่มลูกค้าของบริษัทฯ เป็นกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ ที่มีการทำงานของอุปกรณ์ เครื่องจักรตลอดเวลาอย่างต่อเนื่อง อุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในอุตสาหกรรมย่อมมีการเสื่อมสภาพลงตามการใช้งาน โดยบริษัทฯ จะเข้าศึกษาระบบและอุปกรณ์ของลูกค้า เพื่อพิจารณาว่าระบบของลูกค้าเหมาะสมกับผลิตภัณฑ์ชนิดใด ซึ่งแบ่งการให้บริการได้ 2 รูปแบบ ได้แก่ 1. การให้บริการเชิงบำรุงรักษา เป็นการนำเสนออุปกรณ์ชนิดเดิมที่ลูกค้าใช้อยู่แล้ว โดยหากเป็นตราผลิตภัณฑ์ที่บริษัทฯ เป็นตัวแทน บริษัทฯ ก็จะจัดหาอุปกรณ์ชนิดเดิมและให้บริการติดตั้งตามรอบอายุการใช้งานเพื่อบำรุงรักษาและป้องกันความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นในกระบวนการผลิต และ 2. การให้บริการเชิงพัฒนา เป็นการนำเสนออุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นเพื่อทดแทนผลิตภัณฑ์เดิม หรือนำเสนออุปกรณ์เสริมเพื่อติดตั้งเพิ่มเติมควบคู่กับอุปกรณ์เดิม รวมถึงการให้คำปรึกษา และร่วมกันพัฒนา ออกแบบ เพื่อแก้ไขข้อบกพร่องในกระบวนการผลิต

นายนฤดล รัศมี ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชีและการเงิน บริษัท อินเตอร์รอแยล เอ็นจิเนียริ่ง (IROYAL) กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับผลการดำเนินงานช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (2564 – 2566) บริษัทฯ มีรายได้รวม 196.78 ล้านบาท 116.98 ล้านบาท และ 280.38 ล้านบาท ตามลำดับ โดย ณ ปี 2566 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายคิดเป็นสัดส่วน 54.51% ของรายได้จากการดำเนินงาน รายได้จากการขายพร้อมติดตั้ง 45.49% ของรายได้จากการดำเนินงาน

ทั้งนี้ ด้วยจุดเด่นของ IROYAL คือการมี Recurring income ในอัตราเฉลี่ยสูงถึง 50-60% ของรายได้จากการดำเนินงาน ซึ่งเกิดจากความเชื่อมั่นของกลุ่มลูกค้าที่ให้ความไว้วางใจ โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าหลักอย่างโรงไฟฟ้าที่ต้องมีกำหนดแผนซ่อมบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ และต้องอาศัยเทคโนโลยีเฉพาะ ทำให้ยากที่จะเปลี่ยนผู้ให้บริการ (High-switching costs) และคู่แข่งใหม่ๆ ก็เข้ามาแข่งขันยากเช่นกัน (High barrier to entry)

ขณะที่กำไรสุทธิในงวด 3 ปี ทำได้ 35.36 ล้านบาท 27.94 ล้านบาท และ 72.22 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 17.97% 23.88% และ 25.76% ตามลำดับ โดยเพิ่มขึ้นเนื่องจากการบริหารต้นทุนในการจัดจำหน่าย และค่าใช้จ่ายในการบริหารอย่างมีประสิทธิภาพ

ส่วนผลการดำเนินงานในงวดครึ่งแรกปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้รวม 118.19 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.07% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 110.38 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิทำได้ 44.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 99.06% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 22.42 ล้านบาท และมีอัตรากำไรสุทธิ 37.77% เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 20.32%

ทั้งนี้ สาเหตุหลักมาจากกำไรขั้นต้น และอัตรากำไรขั้นต้นจากงานการขายดีขึ้น การส่งมอบผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้น ทั้งจำนวนรายการผลิตภัณฑ์ และปริมาณผลิตภัณฑ์ กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน การบริหารต้นทุนในการจัดจำหน่าย และค่าใช้จ่ายการบริหารที่มีประสิทธิภาพ