LHHOTEL ชูลงทุนเพิ่ม 2 โรงแรมหรูพัทยา คาดดันยีลด์พุ่งแตะ 10%

HoonSmart.com>> กองทรัสต์ LHHOTEL เตรียมลงทุนเพิ่ม 2 ทรัพย์สินใหม่ศักยภาพสูง “โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สเปซ พัทยา-โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ พัทยา” มูลค่ารวมไม่เกิน 9,800 ล้านบาท กระจายการลงทุนจากกรุงเทพฯ สู่พัทยา รับธุรกิจโรงแรมฟื้นตัว คาดหนุนเงินปันผลปี 67 อยู่ที่ 1.15 บาท/หน่วย ผลตอบแทนเกือบ 10% ต่อปี ดันมูลค่าพอร์ตกองทรัสต์เติบโตเท่าตัวแตะ 2 หมื่นล้านบาท

นายณัฐกวิน เจียมโชติพัฒนกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานและอสังหาริมทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ แอล เอช โฮเทล (LHHOTEL)​ กล่าวว่า ภาพรวมการท่องเที่ยวที่กำลังฟื้นตัวจึงเป็นช่วงเวลาเหมาะสมที่กองทรัสต์ LHHOTEL จะลงทุนเพิ่มเติมในโรงแรมพัทยา 2 โครงการ ได้แก่ โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สเปซ พัทยา และ โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ พัทยา มูลค่ารวมไม่เกิน 9,800 ล้านบาท นับเป็นการกระจายการลงทุนสู่พัทยาเป็นครั้งแรกในทรัพย์สินศักยภาพสูงที่เป็นแลนด์มาร์คของย่านพัทยาเหนือ เพื่อเปิดโอกาสให้แก่ผู้ที่สนใจเข้าลงทุน

ภายหลังลงทุนเพิ่มเติม LHHOTEL จะมีมูลค่าสินทรัพย์รวมเพิ่มขึ้นเท่าตัวเป็นกว่า 20,000 ล้านบาท และมีอายุสิทธิการเช่าคงเหลือเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 22 ปีเศษ จากเดิมประมาณ 18 ปีเศษ รวมทั้งมีการกระจายการลงทุนที่ดีขึ้นโดยมีสัดส่วนทรัพย์สินในกรุงเทพฯ 55% และพัทยา 45% จากปัจจุบันมีทรัพย์สินหลัก 3 โครงการ ได้แก่ โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ เทอร์มินอล 21 , โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ราชดำริ และโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สุขุมวิท 55 พร้อมตั้งเป้า 5-7 ปีข้างหน้าขนาดกองทรัสต์ LHHOTEL เติบโตแตะ 4 หมื่นล้านบาท

ด้านผลการดำเนินงานของโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ทั้ง 3 แห่ง ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2566 มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยสูงถึงประมาณ 90% และค่าห้องพักเฉลี่ยสูงกว่าในช่วงระยะเวลาเดียวกันของปี 2562 แล้วกว่า 20% ขณะที่ผลการดำเนินงานของกองทรัสต์ LHHOTEL ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งหลังจากเปิดประเทศและกลับมาจ่ายประโยชน์ตอบแทนในรูปเงินปันผลแก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ ตั้งแต่งวดไตรมาส 3/2565 โดยในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 กองทรัสต์จ่ายเงินปันผลแล้ว 2 ครั้ง รวมเป็นเงิน 0.58 บาทต่อหน่วย

โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สเปซ พัทยา

นายกิตติ วรบรรพต กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล เอช มอลล์ แอนด์ โฮเทล (LHMH) ในเครือบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH) ในฐานะ Sponsor ของกองทรัสต์ LHHOTEL ​เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจโรงแรม (ทุกระดับ) และเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ในพัทยา ณ สิ้นปี 2565 มีจำนวนห้องพักรวมประมาณ 60,000 ห้อง ในจำนวนดังกล่าวเป็นโรงแรมระดับบน 22% และโรงแรมระดับลักชัวรี่เพียง 1% ส่วนที่เหลือเป็นโรงแรมระดับกลาง 64% โรงแรมราคาประหยัด 11% และเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ 2%

สำหรับโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สเปซ พัทยา และโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ พัทยา ซึ่งพัฒนาและบริหารโดยบริษัท และเป็นทรัพย์สินที่ LHHOTEL จะลงทุนเพิ่มเติมครั้งนี้ จัดอยู่ในโรงแรมระดับลักชัวรี่และโรงแรมระดับบนซึ่งมีคู่แข่งน้อยราย โดยโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สเปซ พัทยา มีจำนวน 490 ห้องพัก ออกแบบด้วยคอนเซ็ปต์อวกาศแห่งแรกในประเทศไทย โดยมีสวนน้ำอวกาศ Space Water Park ขนาดใหญ่กว่า 12,000 ตารางเมตรสปาและออนเซ็นซีวิวแห่งแรกในไทย ตั้งแต่เปิดบริการเดือนส.ค.2565 ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าต่างชาติและคนไทย โดยช่วง 6 เดือนแรกของปี 2566 มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยกว่า 91%

ส่วนโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ พัทยา มีจำนวน 396 ห้องพัก ตั้งอยู่บนศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 พัทยา แหล่งช้อปปิ้งใจกลางย่านพัทยาเหนือ จุดเด่น คือ ห้องพักทุกห้องสามารถมองเห็นวิวทะเลและสามารถเดินทางเข้าออกโรงแรมได้อย่างสะดวกสบายด้วย 3 ถนนเส้นหลัก มีสวนน้ำลอยฟ้า 6,000 ตารางเมตร โดยผลการดำเนินงานฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง ช่วง 6 เดือนแรกของปี 2566 มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยกว่า 91% เช่นเดียวกัน แม้ว่าชาวจีนยังไม่ได้เดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยอย่างเต็มที่

“พัทยาถือเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก ซึ่งเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวต่างชาติและคนไทย สามารถเดินทางได้สะดวกเพียง 1 ชั่วโมงกว่าจากกรุงเทพฯ โดยการท่องเที่ยวพัทยาฟื้นตัวอย่างรวดเร็วหลังจากเปิดประเทศปลายปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ ภาพรวมเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของพัทยา ยังได้รับปัจจัยบวกจากโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ในจังหวัดชลบุรี ระยองและฉะเชิงเทรา ให้เป็นเขตเศรษฐกิจชั้นนำของภูมิภาคอาเซียนและแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำของประเทศ รวมถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับ เช่น ยกระดับสนามบินอู่ตะเภาเป็นสนามบินนานาชาติเชิงพาณิชย์หลักแห่งที่ 3, พัฒนาท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 และโครงการรถไฟฟ้าเชื่อมต่อ 3 สนามบิน เป็นต้น”นายกิตติ กล่าว

สำหรับภาพรวมธุรกิจโรงแรมภายใต้การบริหารของบริษัท ในช่วงเดือนก.ค. และ ส.ค.ที่ผ่านมา มียอดการเข้าพักทำสถิติสูงสุด ซึ่งคาดว่าในไตรมาส 3 และ 4 จะเติบโตต่อเนื่องและน่าจะส่งผลให้ปีนี้ผลประกอบการทำสถิติสูงสุด ขณะเดียวกันกลุุ่ม LH ได้พัฒนาโรงแรมใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยปลายปี 2666 จะเปิดให้บริการโรงแรม แกรนด์ เซ็นเตอร์ พ้อยต์ สุรวงศ์ และอยู่ระหว่างการพัฒนาโรงแรม แกรนด์ เซ็นเตอร์ พ้อยต์ ลุมพินี และโรงแรม แกรนด์ เซ็นเตอร์ พ้อยต์ ราชดำริ 2 ซึ่งในอนาคตอาจนำเสนอ LHHOTEL เพื่อพิจารณาลงทุนเพิ่ม

โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ พัทยา

นายมนรัฐ ผดุงสิทธิ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ LHHOTEL เปิดเผยว่า ภาพรวมการท่องเที่ยวและโรงแรมของประเทศไทยฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ประกอบกับประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยว ส่งผลให้ช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยแล้ว 12.9 ล้านคน สูงกว่าปี 2565 โดยทั้งปีที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 11.2 ล้านคน ขณะที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาไทยตลอดปี 2566 จะมีจำนวนรวมประมาณ 25 – 30 ล้านคน แม้ยังไม่เท่ากับปี 2562 ในช่วงก่อนเกิดโควิด-19 และนักท่องเที่ยวชาวจีนยังไม่ได้เดินทางมาไทยเท่ากับเป้าหมายตามที่คาดไว้ก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม ล่าสุดรัฐบาลชุดใหม่เร่งดำเนินนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยวรับไฮซีซั่น เช่น นโยบายฟรีวีซ่า เป็นต้น ซึ่งส่งผลดีต่อภาพรวมการท่องเที่ยวและธุรกิจโรงแรม

“การลงทุนภายใต้ธีมการท่องเที่ยวของประเทศไทยจึงน่าสนใจและเป็นโอกาสดีที่จะเข้าลงทุนในกองทรัสต์ประเภทโรงแรม ซึ่งจะได้รับปัจจัยสนับสนุนจากนโยบายดังกล่าว อีกทั้งปัจจุบันทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นมีแนวโน้มเข้าใกล้จุดสูงสุด ซึ่งจะส่งผลดีต่อการลงทุนในกองทรัสต์ที่ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกองทรัสต์ LHHOTEL ที่มีนโยบายลงทุนในทรัพย์สินกลุ่มโรงแรมที่มีศักยภาพ มีผลการดำเนินงานที่ดี พัฒนาและบริหารงานโดยบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญและได้มาตรฐาน” นายมนรัฐ กล่าว

นางสาวจิตติสา เจริญพานิช ผู้บริหารงานวาณิชธนกิจ ธนาคารกสิกรไทย ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินร่วม กล่าวว่า LHHOTEL เป็นทางเลือกในการลงทุนที่น่าสนใจในจังหวะนี้ที่ภาพรวมการท่องเที่ยวกับมาคึกคัก โดยโรงแรม ที่ LHHOTEL ลงทุนอยู่ในปัจจุบันและจะลงทุนเพิ่มเติม เป็นโรงแรมระดับ 5 ดาว ที่มีศักยภาพสูง อยู่ในทำเลย่านศูนย์กลางธุรกิจใจกลางเมืองกรุงเทพฯ และพัทยาที่เป็นเมืองท่องเที่ยวของทั้งคนไทยและต่างชาติ และโรงแรมทั้งหมดมีผลการดำเนินงานที่ดีและฟื้นตัวอย่างรวดเร็วจากช่วงโควิด-19

โรงแรมที่ LHHOTEL เข้าลงทุน พัฒนาและบริหารโดย Sponsor ในกลุ่ม แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ฯ ผู้พัฒนาโครงการและบริหารโรงแรมชั้นนำ และการบริหารจัดการโดยผู้จัดการกองทรัสต์มืออาชีพโดย บลจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ นอกจากนี้ Sponsor ยังมี Pipeline ในการพัฒนาทรัพย์สินใหม่ๆที่เป็นโอกาสให้กับ LHHOTEL ในการสร้างความเติบโตอย่างต่อเนื่องต่อไปในอนาคต

ปัจจุบัน LHHOTEL เป็นกองทรัสต์กลุ่มโรงแรม ที่มีขนาดสินทรัพย์รวม และมูลค่าตามราคาตลาดสูงที่สุดในตลาดหลักทรัพย์ฯ การเพิ่มทุน และลงทุนเพิ่มเติมในทรัพย์สินใหม่จะช่วยเสริมสภาพคล่องจากขนาดของกองทรัสต์ที่ใหญ่ขึ้น และสร้างการเติบโตให้กับรายได้ของกองทรัสต์ โดยการเพิ่มทุนในครั้งนี้ กองทรัสต์จะมีการเสนอขายหน่วยทรัสต์จำนวนไม่เกิน 540 ล้านหน่วย และมีการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินไม่เกิน 4,500 ล้านบาท เพื่อใช้ในการลงทุน

“ภายหลังการลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติม ประมาณการเงินจ่ายประโยชน์ตอบแทนของ LHHOTEL อยู่ที่ประมาณ 1.15 บาทต่อหน่วย (อ้างอิงจากรายงานและข้อมูลทางการเงินตามสถานการณ์สมมติของผู้สอบบัญชี สำหรับงวด 12 เดือน ช่วงเวลาประมาณการวันที่ 1 ม.ค.2567 – 31 ธ.ค.2567) ซึ่งเมื่อเทียบกับราคาหน่วยลงทุนของ LHHOTEL ที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์อยู่ที่ประมาณ 11-12 บาท/หน่วย ถือว่าให้ผลตอบแทนที่สูงเกือบ 10% ซึ่งน่าสนใจลงทุน”นางสาวจิตติสา กล่าว

นายยศวีร์ สุทธิกุลพานิช ผู้บริหารสายงาน Investment Banking and Capital Markets ธนาคารไทยพาณิชย์ ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินร่วม กล่าวว่า กองทรัสต์ (REIT) เป็นหนึ่งในการลงทุนที่ได้รับความนิยมและมีความน่าสนใจ เนื่องจากมีโอกาสรับผลตอบแทนการลงทุนที่มีความสม่ำเสมอในระยะยาวและมีความผันผวนด้านราคาต่ำกว่าตราสารทุน โดยเฉพาะ LHHOTEL ที่ลงทุนในโรงแรมที่มีอัตราเข้าพักและผลการดำเนินงาน รวมทั้งการจ่ายเงินปันผลที่ดี และยังสามารถฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งจากช่วงโควิด-19 หลังจากประกาศเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ประกอบกับปัจจุบันคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (FED) มีแนวโน้มที่ใกล้จะยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว จะส่งเสริมความน่าสนใจในการลงทุนในกองทรัสต์ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผล

นอกจากนี้หลังจากมีรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศ จะส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศและคาดว่า จะมีกระแสเงินลงทุนจากต่างชาติ (Foreign Fund Flow) ที่จะไหลเข้ามาสู่ตลาดทุนไทยเพิ่มขึ้นด้วย

สำหรับความคืบหน้าการเสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มเติมนั้น ปัจจุบันสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้นับหนึ่งแบบคำขออนุญาตเสนอขายหน่วยทรัสต์ แบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวน (แบบไฟลิ่ง) แล้ว อยู่ระหว่างการพิจารณาให้มีผลบังคับใช้ ซึ่งจะเสนอขายแก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมและนักลงทุนรายใหม่