PTG บวก 2% นโยบายลดราคาน้ำมันกระทบจำกัด-เล็งกำไร Q3 โต

HoonSmart.com>>หุ้น PTG บวก 2% บล.หยวนต้า เชียร์”ซื้อ”หลังราคาหุ้นร่วงไปราว 8% ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยคาดได้รับผลกระทบจำกัดจากนโยบายลดราคาน้ำมัน พร้อมคาดกำไรปกติไตรมาส 3/66 โตทั้ง YoY, QoQ แม้ปริมาณขายน้ำมันชะลอตามฤดูกา แต่ค่าการตลาดน้ำมันหนุน

เมื่อเวลา 15.01 น.หุ้น PTG บวก 2% มาที่ 10.20 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท มูลค่าซื้อขาย 26.60 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 10.10 บาท ขึ้นสูงสุด 10.20 บาท และต่ำสุด 10.10 บาท

บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) แนะนำ”ซื้อ”หุ้น บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG) ปรับไปใช้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นไตรมาส 2/67 ที่ 13.20 บาท/หุ้น คงกำไรปกติปี 66 ที่ 1,005 ล้านบาท (+8% YoY) ราคาหุ้นมีการปรับตัวลงราว -8% ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาจากความกังวลเกี่ยวกับนโยบายลดค่าน้ำมันของรัฐบาลที่อาจมีการแทรกแซงค่าการตลาดน้ำมัน ส่งผลให้ราคาปัจจุบันซื้อขายบน PER2566-67 เพียง 16.6 เท่า และ 11.0 เท่า ตามลำดับ จึงมองว่าเริ่มมี Downside จำกัดแล้ว และในกรณีที่ภาครัฐไม่มีการประกาศมาตรการแทรกแซงค่าการตลาดน้ำมันจริง คาดส่งผลให้ราคาหุ้นฟื้นตัวตามผลประกอบการได้ในระยะกลาง-ยาว

เบื้องต้นคาดกำไรปกติไตรมาส 3/66 ที่ระดับ 250-300 ล้านบาท เติบโต YoY และ QoQ แม้ปริมาณขายน้ำมันมีแนวโน้มชะลอตัวลง QoQ ตามปัจจัยฤดูกาล หลังได้แรงหนุนจากค่าการตลาดน้ำมันรวมที่มีแนวโน้มฟื้นตัวกลับมาสู่ระดับ 1.70 บาท/ลิตร +/-และส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจปาล์ม (PPPGC) ที่คาดผ่านจุดต่ำสุดแล้วในไตรมาส 3/65 หลังปริมาณความต้องการใช้ไบโอดีเซลฟื้นตัวตามปริมาณการเดินทางในประเทศ หากมองไปไตรมาส 4/66 คาดกำไรปกติฟื้นตัวเด่นทั้ง YoY และ QoQ และเป็นจุดสูงสุดของปีจาก 1. แนวโน้มค่าการตลาดน้ำมันที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง 2. คาดปริมาณขายทำระดับสูงสุดใหม่รายไตรมาสที่ระดับ 1,600 ล้านลิตร +/-(ผลจากการเข้าสู่ฤดูเก็บเกี่ยวและช่วง High Season ของการท่องเที่ยวในประเทศ) และ 3. การขยายสาขาธุรกิจกาแฟพันธุ์ไทยเป็น 1,200 สาขาภายในปี 66 (มี 703 สาขา ณ สิ้นไตรมาส 2/66)

วานนี้ (11 ก.ย.) รัฐบาลได้มีการประกาศนโยบายเร่งด่วนเกี่ยวกับการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้แก่ประชาชน โดยรัฐบาลจะสนับสนุนให้เกิดการบริหารจัดการราคาพลังงานทั้งค่าไฟฟ้า ค่าก๊าซหุงต้ม และค่าน้ำมันเชื้อเพลิงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมในทันที ในเบื้องต้นคาดนโยบายดังกล่าวจะไม่มีการแทรกแซงค่าการตลาดน้ำมันดีเซลในปัจจุบันซึ่งอยู่ในระดับ 1.90-2.00 บาท/ลิตร (อิง EPPO) แต่จะใช้การลดการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตดีเซลแทน (แบบเดียวกับช่วง ก.พ. 65 –ก.ค. 66)ปัจจุบันภาครัฐมีการตรึงราคาน้ำมันดีเซลไว้ที่ระดับต่ำกว่า 32 บาท/ลิตร และมีการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตดีเซลที่ราว 5.99 บาท/ลิตร จึงมองว่าการที่ภาครัฐจะไม่แทรกแซงค่าการตลาดน้ำมันจะทำให้ค่าการตลาดน้ำมันสามารถฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง และหนุนการฟื้นตัวของกำไรในช่วงที่เหลือของปี