โดย…สาธิต บวรสันติสุทธิ์, CFP
ช่วงนี้ ตลาดหุ้นเดาใจยากจริงๆ ขึ้นลงแต่ละวัน ทำหวาดเสียวได้ตลอด ขนาดเดิมจะซื้อ RMF, LTF ตอนหุ้นตกแรงๆ แต่มาตอนนี้ที่ซื้อไปแล้วตอนตกแรงๆ กลับเป็นซื้อแพงไปซะอีก แล้วอย่างนี้จะลงทุนในอะไรดีที่ไม่เสี่ยงมากนัก แต่ก็ให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจ
ทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ หุ้นปันผล หุ้นประเภทนี้จะจ่ายเงินปันผลได้อย่างต่อเนื่องในอัตราที่น่าสนใจ ดังนั้นจึงมักจะเป็นธุรกิจที่อยู่ในอุตสาหกรรมที่มั่นคงไม่ผันผวนตามตลาด และเป็นธุรกิจที่มีสถานะทางการเงินที่มั่นคง ทำให้โดยทั่วไปแล้วราคาของหุ้นประเภทนี้มักจะไม่ค่อยหวือหวาตามตลาด จึงทำให้หุ้นปันผลเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับหุ้นประเภทอื่นๆ
ดังนั้น เงื่อนไขเบื้องต้นในการเลือกหุ้นปันผล จึงเป็นการเลือกจากอุตสาหกรรมก่อน ดังนี้
๐ อันดับแรก ควรอยู่ในอุตสาหกรรมที่มั่นคง ไม่ผันผวนตามภาวะเศรษฐกิจ และเติบโตอย่างสม่ำเสมอก่อน เช่น กลุ่มสาธารณูปโภคพื้นฐาน เช่น ค้าปลีก โรงพยาบาล ไฟฟ้า ฯลฯ เพราะผลการดำเนินงานของธุรกิจขึ้นอยู่กับอุตสาหกรรมที่ธุรกิจนั้นอยู่ หากอยู่ในอุตสาหกรรมที่มีความผันผวนตามภาวะเศรษฐกิจ ผลการดำเนินงานก็ย่อมผันผวนตามภาวะเศรษฐกิจด้วยเช่นกัน
๐ อันดับสอง ควรเป็นหุ้นที่มีขนาดใหญ่ และเป็นผู้นำตลาด เพราะสามารถมีอำนาจเหนือตลาด กำหนดราคาขายได้ ถ้าไม่ใช่ผู้นำตลาด โอกาสได้กำไรมีน้อย
๐ อันดับสาม ควรเป็นหุ้นที่มีกำไรสม่ำเสมอ และกำไรเพิ่มขึ้นไม่น้อยภาวะเงินเฟ้อ
๐ อันดับสี่ ควรเป็นหุ้นที่กำหนดอัตราการจ่ายเงินปันผลสูง
เมื่อเลือกหุ้นเป้าหมายได้แล้ว เรามากรองหุ้นปันผลที่ใช่ให้ละเอียดอีกที ตรงนี้ผมขอนำข้อมูล “วิธีเลือกหุ้นปันผล ที่ดีในตลาด“ จาก blog ของ asiaplus มาแชร์ครับ
1.เป็นหุ้นที่มีประวัติในการจ่ายเงินปันผลที่เป็นเงินสดต่อเนื่องกันไม่น้อยกว่า 7 ปี โดยสิ่งที่เราต้องดูก็คือ อัตราการจ่ายเงินปันผลที่จะต้องไม่น้อยกว่า 30% แต่ถ้าเป็นหุ้นที่ผ่านการลงทุนขนาดใหญ่มาแล้วหรือเป็นหุ้นที่กิจการคงที่แล้วอัตราการจ่ายเงินปันผลก็สามารถจ่ายได้มากกว่า 50%
2.เป็นหุ้นของบริษัทที่มีมูลค่าการซื้อขายในตลาดไม่น้อยกว่า 15,000 ล้านบาท ทั้งนี้ก็เพื่อให้มั่นใจได้ว่าเป็นหุ้นที่มีสภาพคล่องการซื้อขายในตลาดที่มากพอสมควร เพื่อช่วยลดความเสี่ยงในกรณีที่เราอยากจะขายหุ้นแล้วขายไม่ออก หรืออาจจะขายได้ในราคาที่ไม่น่าพอใจก็เป็นได้
3.หุ้นที่มีค่าเบต้าต่ำกว่า 1 เท่า เพราะค่าเบต้าคือตัวที่ใช้สำหรับวัดค่าความผันผวนของหุ้นซึ่งจะเทียบกับ SET Index ซึ่งถ้าหากหุ้นที่มีค่าเบต้าสูงกว่า 1 แสดงว่าความผันผวนของหุ้นนั้นมีมากกว่าตลาด และในทางกลับกันหากหุ้นที่มีค่าเบต้าต่ำกว่า 1 แสดงว่าความผันผวนของหุ้นนั้นมีน้อยกว่าตลาด
4.ควรเป็นหุ้นที่มีค่า Price to Earning (PER) ต่ำกว่า 12 เท่า เพื่อจะช่วยให้เราเลือกหุ้นที่มีราคาซื้อไม่สูงจนเกินไป เพราะถ้าเป็นหุ้นที่ซื้อขายบนค่า PER ก็จะทำให้มีค่า Dividend Yield ที่ต่ำไปด้วย แล้วที่กำหนดไว้ที่ 12 เท่าก็เนื่องจากเป็นค่าเฉลี่ยที่คำนวณขึ้นมาและใช้กันโดยทั่วไป แต่เราก็สามารถที่จะปรับเปลี่ยนค่า PER ได้ตามระดับความเสี่ยงยอมรับกันได้
5.ต้องเป็นหุ้นให้ผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) มากกว่า 5% ต่อปี ที่ส่วนใหญ่จะกำหนดให้เป็นอัตราผลตอบแทนที่ควรจะได้รับ แต่ทั้งนี้แล้วก็อาจจะปรับเปลี่ยนได้ตามความพอใจของนักลงทุนแต่ละคนก็เป็นได้
ที่กล่าวมานี้ เป็นทางเลือกการลงทุนสำหรับคนที่ต้องการผลตอบแทนสม่ำเสมอจากเงินปันผลของหุ้นเท่านั้นครับ แต่หากคนที่ต้องการทำกำไรจากการซื้อขายหุ้นปันผล ประเภทซื้อก่อน XD 2 เดือน แล้วขายในวันที่ขึ้น XD คงเป็นอีกกลยุทธ์ครับ