“บล.คิงส์ฟอร์ด” แนะ AH-CRC

HoonSmart.com>> “บล.คิงส์ฟอร์ด” คาดแนวโน้มหุ้นวันนี้ทรงตัว กรอบแนวรับ 1,555 – 1,560 จุด แนวต้าน 1,570 – 1,575 จุด รอตัวเลขจ้างงานสหรัฐ นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลใหม่ แนะนำซื้อเก็งกำไร PTT, PTTEP ปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันปรับขึ้น SCGP, SJWD ได้แรงจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจีน กลุ่มอสังหา หุ้น SPALI พร้อมเสิร์ฟหุ้นวันนี้ AH, CRC

บริษัทหลักทรัพย์คิงส์ฟอร์ด ประเมินดัชนี SET ทรงตัวในกรอบแนวรับ 1,555 – 1,560 จุด แนวต้าน 1,570 – 1,575 จุด รอตัวเลขจ้างงานสหรัฐ และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลใหม่ แนะนำซื้อเก็งกำไร PTT, PTTEP ปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันปรับขึ้น SCGP, SJWD ได้แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจีน กลุ่มอสังหา หุ้น SPALI

หุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ AH (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 45.00 บาท) ผู้บริหารยังคงเป้าหมายการเติบโตของรายได้ปี 66 ที่ 10-15% แม้ ส.อ.ท.จะปรับเป้ายอดการผลิตรถยนต์ของไทยในปีนีลงเหลือ 1.9 ล้านคัน โดยในช่วง 2H66 ผลประกอบการของ AH จะฟื้นตัวตามจำนวนวันทำงานที่มากขึ้น นอกจากนี้ยอดขายมีปัจจัยหนุนจากการรับรู้คำสั่งซื้อใหม่ชิ้นส่วนรถกระบะ Ford เกิน 1,000 ล้านบาท และคำสั่งซื้อจากลูกค้า EV ราว 800-900 ล้านบาท ขณะที่รายได้ธุรกิจตัวแทนจำหน่ายรถยนต์และศูนย์บริการยังขยายตัวจากการเปิดโชว์รูม Ford แห่งใหม่ในไทย และโชว์รูม Proton แห่งใหม่ในมาเลเซียในปีก่อน

ส่วนบริษัทที่ลงทุนใหม่ AAPICO Avee ในมาเลเซีย (ถือหุ้น 60%) ผลิตชิ้นส่วนให้ Proton จะรับรู้รายได้ในช่วงที่เหลือของปีนี้ 500 ล้านบาท โดยตั้งเป้าปีหน้าจะขยายเป็น 1,500 ล้านบาท ส่วน Purem AAPICO ที่เป็น JV (ถือหุ้น 49%) จะเริ่มการผลิตในช่วงเดือน ก.ย.และ ธ.ค. สำหรับโรงงานในประเทศมาเลเซียและประเทศไทยตามลำดับ

หุ้น CRC (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 49.50 บาท) กำไรสุทธิ 2Q66 อยู่ที่1,567 ลบ. (+5.43%YoY, -27.73% QoQ) เผชิญปัจจัยกดดัน QoQ จาก กลุ่มธุรกิจ Food จากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในเวียดนาม ขณะที่กลุ่ม Fashion ยังคงเป็นดาวเด่นของ CRC ในปีนี้ ฟื้นตัว +14%YoY จากการกลับเข้าสู่สังคมPostCovid-19 ทั้งประชาชนในประเทศ และนักท่องเที่ยว ทั้งในไทยและอิตาลี

สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงถัดไป 2H66 ยังมีแรงหนุนจาก 1.การกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยที่คาดว่าจะ peak ใน Q4 2.รายได้ค่าเช่าที่กลับมารับรู้ได้เต็มที่มากขึ้น และ 3.คาดหวังการฟื้นตัวของฝั่งธุรกิจ Food/Hardline จาก 2Q66 โดยเฉพาะในส่วนของเวียดนามที่เริ่มเห็นม.กระตุ้นการใช้จ่ายอย่างการลด VAT ลงเหลือ 8% (จาก10%)ในช่วง ก.ค.-ธ.ค.66 นี้