TATG เคาะราคาไอพีโอ 1.25 บาท เปิดจอง 30 ก.ย. – 2 ต.ค. 67

HoonSmart.com>>”ไทย ออโต ทูลส์ แอนด์ ดาย” (TATG) พร้อมขายไอพีโอ 100 ล้านหุ้น พาร์ 1 บาท กำหนดราคาที่ 1.25 บาท P/E 5.2 เท่า เปิดจองซื้อ 30 ก.ย. – 2 ต.ค. 67 คาดเข้าซื้อขายในตลาด mai ต้นเดือน ต.ค. นี้  มั่นใจราคาเหมาะสม แผนเติบโตชัดเจน หนุนนักลงทุนตอบรับดีเยี่ยม แผนระดมทุนจำนวน 115.8  ล้านบาท ตอกย้ำผู้นำแม่พิมพ์-ชิ้นส่วนยานยนต์รายใหญ่ของประเทศ ผลงานครึ่งปีนี้กำไร 46 ล้านบาท ทำได้เกือบเท่าทั้งปีก่อนที่ 48 ล้านบาท ฟื้นตัวอย่างโดดเด่น 

นายประเสริฐ ตันตยาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส  ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ บริษัท ไทย ออโต ทูลส์ แอนด์ ดาย  (TATG) เปิดเผยว่า TATG ได้กำหนดราคาเสนอขาย IPO ที่หุ้นละ 1.25 บาท เตรียมเปิดให้นักลงทุนจองซื้อในวันที่ 30 ก.ย. – 2 ต.ค. 2567 โดยหุ้น TATG จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม (INDUS) ประมาณต้นเดือนต.ค.นี้

สำหรับราคาขายหุ้น TATG ที่หุ้นละ 1.25 บาท คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E Ratio) ภายหลังการเสนอขายหุ้น (Fully Diluted) เท่ากับ 5.2 เท่า โดยคำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้นจากผลกำไรสุทธิในช่วง 4 ไตรมาสย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.2566 ถึงวันที่ 30 มิ.ย. 2567 โดยมอง TATG เป็นอีกหุ้นน้องใหม่ที่มีความน่าสนใจ ด้วยราคาที่กำหนดไว้มีความเหมาะสม มีศักยภาพการเติบโตของธุรกิจเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรม ภายหลังระดมทุนบริษัทฯพร้อมที่จะนำเงินไปใช้เสริมศัยกภาพในการดำเนินธุรกิจตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้

ด้วยจุดเด่นของ TATG ในการเป็นผู้นำธุรกิจออกแบบและผลิตเครื่องมือสำหรับอุตสาหกรรมรถยนต์ (Tooling) ครอบคลุมถึงการออกแบบและผลิตแม่พิมพ์โลหะ (Dies) อุปกรณ์จับยึดเพื่อการตรวจสอบ (Checking Fixtures) และอุปกรณ์จับยึดเพื่อการประกอบ (Assembly Jigs) และผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ (Press Parts) ภายใต้โรงงานผลิต 4 แห่ง ในจังหวัดปทุมธานี และจังหวัดชลบุรี พร้อมยกระดับฐานการผลิตให้เป็นสายการผลิตระบบอัตโนมัติ นำเทคโนโลยีเข้ามาเสริมทัพยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ และรองรับรถยนต์ไฟฟ้าแบบเต็มขั้น อีกทั้งด้วยความเชี่ยวชาญของผู้บริหารตลอด 30 ปี นับตั้งแต่ก่อตั้งธุรกิจ บริษัทฯ ไม่เคยหยุดนิ่งในการขยายการเติบโต ควบคู่กับการบริหารทรัพยากรบุคคล มุ่งอบรมบุคลากรให้มีความรู้ความเชี่ยวชาญ สามารถพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังนำเครื่องจักรที่ทันสมัยมาใช้ เพื่อให้ผลิตภัณฑ์และบริการมีคุณภาพเทียบเท่ามาตรฐานจากประเทศญี่ปุ่น การเข้ามาระดมทุนครั้งนี้ จะยิ่งสนับสนุนความพร้อมให้ TATG มุ่งสู่ผู้นำในอุตสาหกรรมแม่พิมพ์โลหะและชิ้นส่วนยานยนต์ในภูมิภาคอาเซียน

ดร.พยุง ศักดาสาวิตร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทย ออโต ทูลส์ แอนด์ ดาย  กล่าวว่า บริษัทฯพร้อมเดินหน้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เพื่อยกระดับองค์กรสู่มาตรฐานสากล และเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน ในฐานะผู้ผลิตแม่พิมพ์โลหะ อุปกรณ์จับยึด และผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์รายใหญ่ ที่สามารถให้บริการลูกค้าแบบครบวงจร

การเสนอขายหุ้น IPO ในครั้งนี้ จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนประมาณ 115.8 ล้านบาท (หลังหักค่าใช้จ่าย) นำไปใช้ลงทุนเครื่องจักรเพิ่มเติม และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน รวมทั้งใช้ชำระคืนเงินกู้ยืมให้กับสถาบันการเงิน โดยกลุ่มบริษัทฯ มีแผนการลงทุนเครื่องจักรการผลิตเพิ่มเติม ครอบคลุมทั้งระบบที่ควบคุมด้วยบุคคล (Manual Control) และระบบอัตโนมัติที่ควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ (Automatic Control) เพื่อให้ สามารถผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งการผลิตปริมาณมาก และการผลิตที่เน้นความพิถีพิถันสูง เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพและควบคุมการผลิตให้ดีขึ้น ตอบสนองกับความต้องการของลูกค้า

บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนาสำหรับงานด้านการออกแบบและผลิตเครื่องมือกล (Tooling) เพื่อสนับสนุนให้สามารถออกแบบแม่พิมพ์และสามารถผลิตชิ้นส่วนที่มีคุณภาพให้เป็นไปตามที่ลูกค้ากำหนด รวมถึงการเตรียมความพร้อมสู่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่อัตราการแข่งขันอาจจะเพิ่มขึ้นในอนาคต และยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันของบริษัทฯ ในการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์สมัยใหม่ในอนาคต ตอกย้ำให้ TATG เป็นบริษัทชั้นนำของคนไทย ที่สามารถแข่งขันกับผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์จากต่างประเทศ

สำหรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ ณ วันที่ 30 มิ.ย. 2567 และภายหลังการเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ต่อประชาชนทั่วไปในครั้งนี้ ประกอบด้วยกลุ่มศักดาสาวิตร จำนวน 134.04 ล้านหุ้น สัดส่วนก่อนและหลัง IPO อยู่ที่ 44.68% และ 33.51% ตามลำดับ กลุ่มหฤทัย 100.80 ล้านหุ้น สัดส่วนก่อนและหลัง IPO 33.60% และ 25.20% ตามลำดับ กลุ่มเหล่าสินชัย 37.20 ล้านหุ้น สัดส่วนก่อนและหลัง IPO 12.40% และ 9.30% ตามลำดับ และกลุ่มพนักงาน 27.96 ล้านหุ้น สัดส่วนก่อนและหลัง IPO 9.32% และ 6.99% ตามลำดับ ทั้งนี้ บริษัทฯ มีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ

ด้านผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,340.11 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ  45.87 ล้านบาท ในขณะที่งวดปี 2566 บริษัทมีรายได้รวมและกำไรสุทธิเท่ากับ 3,002.91 ล้านบาท และ 47.86 ล้านบาท ตามลำดับ ทั้งนี้ บริษัทมีกำไรสุทธิย้อนหลัง 4 ไตรมาสเท่ากับ 89.27 ล้านบาท

“รายได้ของบริษัทฯ มีแนวโน้มปรับตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้น เนื่องจากลูกค้าทยอยกลับมาทำการตลาด เพื่อวางแผนสำหรับการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆ มากขึ้น อีกทั้ง กลุ่มบริษัทฯ ได้วางแผนและเตรียมความพร้อมสำหรับการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์และแม่พิมพ์โลหะ ซึ่งรวมถึงการลงทุนในเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความรวดเร็วในการผลิต ลดต้นทุน และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ที่จะสนับสนุนให้ TATG สามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน และรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ในอนาคต”ดร.พยุงกล่าว