HoonSmart.com >> บล.CGSI คาดการณ์หุ้นไทยวันนี้ปรับตัวขึ้น เคลื่อนไหวบริเวณ 1,455 +/- 10จุด แรงหนุนการค้าไทยเดือนส.ค. คาดตัวเลขส่งออกจะเติบโต 6% yoy และ ตัวเลขนำเข้าเติบโต 6.5% yoy รวมทั้ง เงินบาทแข็งค่าจากฟันด์โฟลด์ที่ไหลเข้าตลาดหุ้นไทย หลังเฟดประกาศลดอัตราดอกเบี้ย
บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI โดย Trend Spotter สรุปภาวะตลาดหุ้นสหรัฐและทิศทางตลาดหุ้นไทย วันนี้ ( 25 ก.ย.) ดังนี้
ตลาดหุ้นสหรัฐ : ปิดบวก (ดัชนี DJIA +0.2% S&P500 +0.25% และ Nasdaq +0.56%) แม้ว่าตลาดจะปรับตัวลดลงช่วงแรก เนื่องจากตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ย. ลดลงสู่ระดับ 98.7 ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 104 (vs. เดือนส.ค. ที่ 105.6) จากความกังวลต่อตลาดแรงงาน
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นสหรัฐ ได้รับแรงสนับสนุนของหุ้นกลุ่มโลหะและเหมืองแร่ และ หุ้นจดทะเบียนสัญชาติจีน (Alibaba +7.88% PDD Holdings +11.79% Li Auto +11.37%) หลังผู้ว่าการธนาคารกลางจีน (PBOC) ประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ เพื่อแก้ปัญหาภาวะเงินฝืด โดยมีนโยบายผ่อนคลายการเงิน ที่จะลดต้นทุนการกู้ยืม และ อัดฉีดเม็ดเงินไหลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจมากขึ้น ผ่านการ
1) ปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) ลง 50bps
2) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตร (Reverse Repurchase Rate) ระยะ 7 วันลง 20bps สู่ระดับ 1.5%
3) ปรับลดเงินดาวน์สำหรับการซื้อบ้านหลังที่สอง
4) จัดสรรเงินกู้ระยะยาวมูลค่า 1 ล้านล้านหยวน
สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่สำคัญ วันนี้ ติดตามรายงานยอดขายบ้านใหม่เดือนส.ค. ที่ตลาดคาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 6.99 แสนยูนิต และ สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ ที่ตลาดคาดว่าจะลดลง 1.2 ล้านบาร์เรล
• SET Index : เราคาดว่า SET Index จะเคลื่อนไหวปรับตัวขึ้นบริเวณ 1,455 +/- 10จุด คงแนะนำเน้นการลงทุนในกลุ่ม Domestic play เนื่องจาก
1) เราเชื่อว่าตลาดยังได้รับปัจจัยบวก จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ โดยเฉพาะนโยบายแจกเงิน 10,000 บาท เฟสแรกแก่กลุ่มเปราะบาง 14.5 ล้านคน ซึ่งจะเริ่มดำเนินการวันนี้ – 30 ก.ย.
เริ่มจากกลุ่มคนพิการ 2.15 ล้านราย ตามด้วยผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ เรียงตามเลขหลักสุดท้ายของบัตรประจำตัวประชาชน ทั้งนี้ กรณีที่จ่ายเงินแก่กลุ่มเป้าหมายไม่สำเร็จในครั้งแรก จะมีการดำเนินการจ่ายเงินซ้ำเพียงแค่ 3 ครั้ง เท่านั้น ภายในวันที่ 22 ต.ค. 22 พ.ย. และ 22 ธ.ค.
2) ตัวเลขการค้าไทยเดือนส.ค. ที่จะประกาศเวลา 13.00 น. ซึ่งตลาดคาดว่า ตัวเลขส่งออกจะเติบโต 6% yoy และ ตัวเลขนำเข้าเติบโต 6.5% yoy
เรามองว่า เงินบาทที่แข็งค่าขึ้นช่วงนี้ จากฟันด์โฟลด์ที่ไหลเข้าตลาดหุ้นไทย หลังเฟดประกาศลดอัตราดอกเบี้ย จะเป็นแรงกดดันต่อภาคส่งออก และ งบ 3Q24 ของหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ เราจึงยังคงแนะนำหุ้นกลุ่ม Domestic play
นอกจากนี้ หอการค้าไทยระบุว่า น้ำท่วมใหญ่ในพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสาน ซึ่งมีพื้นที่ได้รับความเสียหายประมาณ 2.6 ล้านไร่ กระทบเศรษฐกิจเสียหายมูลค่า 2.4 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็นประมาณ 0.14% ของ GDP ณ วันที่ 24 ก.ย.
ล่าสุด !!! ระดับน้ำในแม่น้ำยมที่เพิ่มขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้คันดินริมตลิ่ง อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย แตก และ มวลน้ำทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน รวมถึงเมื่อช่วงเที่ยงคืนที่ผ่านมา มวลน้ำจากแม่น้ำปิงได้ไหลท่วมเมืองเชียงใหม่ ส่งผลกระทบหลายชุมชน
ด้านกรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกมาเตือนฝนตกหนักในช่วงนี้ และ ให้ระวังน้ำท่วมฉับพลัน รวมถึงน้ำป่าไหลหลาก
• หุ้นแนะนำ
ERW : เชื่อว่า เป็นหนึ่งในบริษัทที่จะได้รับประโยชน์มากที่สุดหากรัฐบาลเปิดโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” เฟสใหม่เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว
ERW เป็นหนึ่งในหุ้น Top pick ของกลุ่มโรงแรมใน 2H24 เพราะ มีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจในประเทศสูงและมีการประเมินมูลค่าน่าสนใจกว่าคู่แข่งในประเทศ นอกจากนี้ เราเชื่อว่าผลประกอบการใน 3Q24 ยังคงแข็งแกร่ง
(Take profit : 4.56 / Stop loss : 4.20)
PTTEP : เราเชื่อว่าราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น (Brent +1.72% dod ปิดที่ 75.17 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล) จะเป็นปัจจัยบวกต่อผลประกอบการของ PTTEP ที่มีรายได้หลักจากการขายปิโตรเลียมดิบและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมอื่นๆ
(Take profit : 142.00 / Stop loss : 139.50
#MacroWealthResearch
#CGSInternational