ดาวโจนส์ปิดบวก 25 จุด จับตาสุนทรพจน์ประธานเฟดสัปดาห์หน้า

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวก ดัชนีดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 25 จุด ฟื้นตัวช่วงท้ายของชั่วโมงซื้อขายจากที่ปรับลดลงในช่วงเช้า ส่วนหนึ่งมาจากการหมดอายุของ options แต่ไม่มากพอที่จะดึงให้ S&P 500 ปิดในแดนบวก , Nasdaq ปิดลบ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีอ่อนตัวลงเล็กน้อยที่ 4.25% แต่ยังอยู่ใกล้ระดับสูงสุดใหม่ นักลงทุนจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด 25 ส.ค. ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดลบที่ระดับต่ำสุดในรอบ 6 สัปดาห์
      
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดวันที่ 18สิงหาคม 2566 ที่ 34,500.66 จุด เพิ่มขึ้น 25.83 จุด หรือ 0.07% ฟื้นตัวในช่วงท้ายของชั่วโมงซื้อขายจากที่ปรับลดลงในช่วงเช้า ส่วนหนึ่งมาจากการหมดอายุของ options แต่ไม่มากพอที่จะดึงให้ S&P 500 ปิดในแดนบวก

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,369.71 จุด ลดลง 0.65 จุด, -0.01%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,290.78 จุด ลดลง 26.16 จุด, -0.20%

ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 2.2% ดัชนี S&P500 ลดลง 2.1% และดัชนี Nasdaq ลดลง 2.6% ทั้งดัชนี S&P500 และ ดัชนี Nasdaq ลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน

ข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดทำให้ความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยลดลง แต่นักลงทุนกลับวิตกกับภาวะเงินเฟ้อที่ยังไม่ลดลงและมีโอกาสที่นโยบายการเงินจะเข้มงวดมากขึ้น

หุ้นขนาดใหญ่(Megacap) ในกลุ่มเทคโนโลยี ร่วงลงเป็นสัปดาห์ที่สามติดต่อกัน ซึ่งเป็นการลดลงนานที่สุดในปี 2023 จากความกังวลว่าอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกจะสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่น ในขณะที่พันธบัตรดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบหลายปี

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีอ่อนตัวลงเล็กน้อยที่ 4.25% แต่ยังอยู่ใกล้ระดับสูงสุดใหม่

เดวิด โดนาเบเดียน ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุนของ CIBC Private Wealth US กล่าวว่า นักลงทุนกังวลว่าหากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เศรษฐกิจจะแข็งแกร่งเกินไป และเฟดจะต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก และด้วยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่สูงพอ ทำให้เกิดการแข่งขันสำหรับนักลงทุนในตราสารทุนที่รู้สึกว่าตลาดตราสารหนี้มีความเสี่ยงน้อยกว่าตลาดหุ้นในตอนนี้

นักลงทุนมองว่าอัตราดอกเบี้ยจะอยู่ในระดับสูงอีกนานหลังเฟดเผยแพร่รายงานการประชุมวันที่ 25-26 กรกฎาคมในสัปดาห์นี้ เพราะเฟดไม่ปิดโอกาสที่จะขึ้นดอกเบี้ยอีก นักลงทุนจึงจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด ในการประชุมเศรษฐกิจที่เมืองแจ็กสัน โฮลในวันที่ 25 ส.ค. เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้แนวโน้มอัตราดอกเบี้ย

นอกจากนี้นักลงทุยังวิตกต่อภาวะเศรษฐกิจของจันหลังบริษัทเอเวอร์แกรนด์ อสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ยื่นขอล้มละลายในสหรัฐ

เอ็มมานูเอล คาอู นักกลยุทธ์ของ Barclays ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ตลาดกำลังเผชิญปัจจัยลบหลายตัว ทั้ง อัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่พุ่งสูงขึ้น ข้อมูลที่แย่ลงในจีน และสภาพคล่องที่ย่ำแย่

ความกังวลต่อสถานการณ์ในจีนส่งผลให้ดัชนี MSCIหุ้นทั่วโลกลดลงมากที่สุดในสัปดาห์นี้นับตั้งแต่วิกฤติธนาคารสหรัฐในเดือนมีนาคม

หุ้น Nvidia ลบ 0.1% ก่อนการรายงานผลการดำเนินงานในสัปดาห์หน้า

หุ้น Estee Lauder ลดลง 3.3% หลังคาดการณ์ยอดขายและกำไรสุทธิประจำปีต่ำกว่าที่ตลาดคาด
      

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ ที่ระดับต่ำสุดในรอบ 6 สัปดาห์ จากการปรับลงของกลุ่มการเงินและกลุ่มเฮลธ์แคร์ ด้วยความกังวลว่าอัตราดอกเบี้ยทั้ยทั่วโลกจะอยู่ในระดับสูงเป็นเวลานาน ขณะที่ความเชื่อมั่นของนักลงทุนได้รับผลกระทบจากแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอของจีน

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่พุ่งสูงขึ้นกดดันตลาดหุ้นในสัปดาห์นี้

แนวโน้มเศรษฐกิจของจีนที่ไม่สดใส รวมทั้งบริษัทไชน่าเอเวอร์แกรนด์ที่ยื่นขอล้มละลายในสหรัฐ ขณะที่มาตรการเพื่อฟื้นฟูตลาดหุ้นโดยหน่วยงานกำกับดูแลหลักทรัพย์ของจีน ไม่สามารถกระตุ้นความเชื่อมั่นของนักลงทุนท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา

หุ้นกลุ่มสินค้าหรูที่พึ่งพาตลาดจีน ทั้งLVMH Kering และ Hermes ลดลง0.7 ถึง 1.1% จากความวิตกมากขึ้นเกี่ยวกับอุปสงค์ที่ลดลงจากจีน

หุ้นHSBC และหุ้นPrudential ซึ่งมีธุรกิจในจีน ลดลง 1.4% และ 3.2% ตามลำดับ

ในหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ หุ้นNovo Nordisk หุ้น AstraZeneca และหุ้นRoche Holding ต่างลดลงกว่า 1%

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 448.44 จุด ลดลง 2.75 จุด, -0.61%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,262.43 จุด ลดลง 47.78 จุด, -0.65%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,164.11 จุด ลดลง 27.63 จุด, -0.38%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,574.26 จุด ลดลง 102.64 จุด, -0.65%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 86 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 81.25 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนตุลาคม เพิ่มขึ้น 68 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 84.80 ดอลลาร์/บาร์เรล