BE8 ตั้งเป้า 3 ปีโกยรายได้ 5 พันลบ. เข้า SET100 บุกตลาดต่างประเทศ

HoonSmart.com>>”เบริล 8 พลัส”(BE8)โชว์ศักยภาพพร้อมแข่งขันทุกมิติ ตั้งเป้าใหม่ 3 ปี รายได้โตก้าวกระโดดแตะ 5,000 ล้านบาท หลังทะลุ 2,000 ล้านบาทเร็วกว่าแผน เพิ่มผลิตภัณฑ์ให้ลูกค้าซื้อมากขึ้น เล็งร่วมทุนขยายพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศในหลายอุตสาหกรรม  พร้อมรุกภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค เวียดนามไปได้สวย ปีนี้ปักธงตลาดออสเตรเลีย มองศักยภาพมูลค่าตลาดใหญ่กว่าตลาดไทยกว่า 14 เท่า  ส่วนแผนลงทุนตั้งงบ 1,000 ล้านบาท 

นายอภิเษก เทวินทรภักติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เบริล 8 พลัส (BE8) เปิดเผยว่า BE8 ตั้งเป้าหมายใหม่ใน 3 ปีข้างหน้าจะมีรายได้แตะ 5,000 ล้านบาท และมีขนาดใหญ่เข้าคำนวณ SET 100 หลังจากเป้าหมายตอนนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ(mai) เมื่อวันที่ 8 พ.ย.2564 คาดว่าจะมีรายได้ 2,000 ล้านบาทภายในปี 2567 ปรากฎว่าถึงเร็วกว่าแผนที่วางไว้ ปัจจุบันมีรายได้ 2,500 ล้านบาท ปีนี้คาดว่าจะเติบโต 30-40% จากฐานลูกค้าที่เติบโตรวดเร็วจากจำนวน 150 ราย เพิ่มเป็น 500 ราย ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำของประเทศครอบคลุมทุกอุตสาหกรรม  มีการใช้บริการเพิ่มขึ้น ยกตัวอย่างบริษัทในธุรกิจโลจิสติกส์ ได้ซื้อบริการเพิ่มขึ้นถึง 5 เท่า เพื่อรองรับดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น( digital transformation)

นอกจากนี้ BE8 มีความแข็งแกร่งพร้อมแล้วที่จะก้าวสู่การเป็นผู้นำอุตสาหกรรมด้วย Digital Transformation Ecosystem แบบครบวงจรในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก หลังจากได้ขยายธุรกิจร่วมทุนใน 6 บริษัทผู้นำด้าน Tech สร้างระบบนิเวศ หรือ ecosystem การเชื่อมต่อหลายระบบ หลายบริการ เข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์ มีศักยภาพครบทุกมิติ สามารถสร้างบริการที่ครบวงจรเพื่อส่งมอบความสำเร็จให้ลูกค้าในการนำเทคโนโลยีและกลยุทธ์การทำงานแบบดิจิทัลเข้ามาใช้ในการวางรากฐานการดำเนินธุรกิจ เปลี่ยนผ่านระบบการทำงานในการขับเคลื่อนวัฒนธรรมองค์กร

นายอภิเษก กล่าวต่อว่า กลุ่ม BE8 วางเป้าหมายที่จะนำ Digital Transformation Ecosystem ไปสร้างธุรกิจใหม่ให้กับลูกค้าในอุตสาหกรรมต่างๆ ที่ต้องการพันธมิตรที่จะสนับสนุนด้านเทคโนโลยีทั้งในและต่างประเทศ โดยปี 2566 กลุ่ม BE8 มีแผนที่จะขยายตลาดต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น เพื่อก้าวสู่เป้าหมายการเป็นผู้นำด้าน Digital Transformation ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก มั่นใจว่าการให้บริการตอบโจทย์ลูกค้าและสามารถแข่งขันกับคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกันได้ ซึ่งปัจจุบันกลุ่ม BE8 ได้มีการฟอร์มทีมผู้บริหารที่มีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญด้าน Digital Transformation เข้ามาดูแลด้านศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ ภายใต้การนำของ Mr.Charles Woodall ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BE8 International

“มั่นใจว่าเราเป็นกลุ่มบริษัทด้าน Digital Transformation ที่มีศักยภาพสูงที่สุดในประเทศ พร้อมแล้วที่จะสร้างความสำเร็จให้ทุกธุรกิจผ่านกระบวนการดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น โดยนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด และพร้อมนำความเชี่ยวชาญไปต่อยอดธุรกิจในต่างประเทศ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี  กลับมองเป็นโอกาสในการเติบโตของบริษัท ลูกค้าจะต้องเร่งปรับตัว ขณะเดียวกันก็เป็นความท้าทายในการรับมือเช่นเดียวกัน” นายอภิเษกกล่าว

สำหรับจุดแข็งของกลุ่ม BE8 คือมีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี และมีความเข้าใจในการทำงานของลูกค้าองค์กรจากทุกอุตสาหกรรม ขณะเดียวกันบริษัทในเครือกลุ่ม BE8 ล้วนมีประสบการณ์และเป็นผู้นำธุรกิจในแต่ละด้าน มีพันธมิตรเป็น World Class Technology มากกว่า 50 ราย มีบุคคลากรทั้งด้านที่ปรึกษา และนักพัฒนาซอฟแวร์มากกว่า 1,000 คน ที่สามารถรองรับความต้องการของลูกค้าในทุกอุตสาหกรรมและที่ผ่านมามีผลงานของลูกค้าที่ส่งมอบสำเร็จแล้วมากกว่า 750 โครงการ ซึ่งล้วนเป็นองค์กรขนาดใหญ่ สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่ลูกค้ามีต่อการให้บริการของกลุ่ม BE8

“การร่วมมือกับพันธมิตร หรือการร่วมลงทุน เราก็มีการพูดคุยกับหลายบริษัท น่าจะมีโอกาสให้เราได้ร่วมงานกับพันธมิตรอีกหลายอุตสาหกรรมในอนาคตเพื่อช่วยสร้างธุรกิจ new S-curve ด้วยการใช้เทคโนโลยี  คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยบริษัทไม่มีหนี้สินเลย และยังมีเงินเหลือจากการขาย IPO ประมาณ 200-300 ล้านบาท รวมถึงสามารถออกหุ้นกู้ และขายหุ้นเพิ่มทุนเฉพาะเจาะจง(พีพี) ซึ่งการร่วมทุน รวมถึงการขยายตลาดต่างประเทศ จะสร้างรายได้ประมาณ 25-30% ของเป้าหมาย 5,000 ล้านบาท  ” นายอภิเษกกล่าว

ที่ผ่านมา BE8 ได้เป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับบริษัท ไปรษณีย์ไทย นำเทคโนโลยีดิจิทัล ช่วยการให้บริการด้านการขนส่งเอกสารสำคัญต่างๆ ซึ่งถือเป็นการพลิกโฉมครั้งยิ่งใหญ่ของวงการรับ-ส่งเอกสารในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์หรือ e-Document บนโลกออนไลน์ นอกจากนี้ได้ร่วมกับบริษัท บลูบิค กรุ๊ป (BBIK) จัดตั้งบริษัทร่วมค้า (Joint Venture) ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อดำเนินธุรกิจด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อดูแลสิ่งแวดล้อม หรือ Green Tech และก็ได้ร่วมกับ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ( ORI) ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร จัดตั้งบริษัทร่วมทุน ภายใต้ชื่อบริษัท ออริจิ้น บีอีเอท จำกัด (ORIGIN BE8) เพื่อดูแลงานด้านเทคโนโลยี ครอบคลุมทั้งระบบหลังบ้านและหน้าบ้านทั้งหมดของทุกกลุ่มธุรกิจในเครือออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ โดยมีเป้าหมายหลักที่จะนำเทคโนโลยีไปช่วยขับเคลื่อนและสร้างธุรกิจและบริการใหม่ๆ ร่วมกับพันธมิตรของเรา

สำหรับ 6 บริษัท ที่ BE8 ร่วมลงทุน สร้างระบบนิเวศ Digital Transformation ครบทุกมิติ ประกอบด้วย

1. บริษัท เอคซเทนด์ ไอที รีซอร์ส จำกัด ผู้นำด้านไอทีแบบครบวงจร
2.บริษัท เบย์ คอมพิวติ้ง จำกัด (เบย์คอม) ผู้นำด้าน Cyber Security อันดับต้นๆ ของประเทศ
3.บริษัท อี-ซี.โอ.พี (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ให้บริการเฝ้าระวังความปลอดภัยทางไซเบอร์
4.บริษัท วานิลลา แอนด์ เฟรนด์ จำกัด ที่ทำธุรกิจด้านที่ปรึกษาการทำ Branding และการตลาดดิจิทัลแบบครบวงจร
5.บริษัท รีโคนิกซ์ จำกัด ประกอบธุรกิจให้บริการด้าน Cyber Security โดยมีความเชี่ยวชาญในการทดสอบระบบ เพื่อหาช่องโหว่และการทำ Smart Contract Audit
6.บริษัท เทคซอส มีเดีย จำกัด สื่อเทคโนโลยีและธุรกิจออนไลน์ ที่นำเสนอคอนเทนต์เพื่อวงการ Tech ในโลกธุรกิจ และเป็นผู้จัดงาน Tech Conference

“เรามีพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญในการสร้างระบบนิเวศครบทุกมิติ ทำให้ความพร้อมทุกด้านในการขยายธุรกิจไปต่างประเทศ โดยมอง Asia Pacific เป็นภูมิภาคแรกที่เราจะ focus จากที่เคยได้โครงการในหลากหลายประเทศ วันนี้เรามั่นใจว่ามีศักยภาพพร้อมที่จะแข่งขันในระดับสากลแล้ว” นายอภิเษกกล่าว

ด้าน Mr.Charles Woodall ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BE8 International กล่าวว่า ประเทศในแถบเอเชียแปซิฟิกจะเป็นภูมิภาคแรกที่กลุ่ม BE8 จะรุกตลาด เพราะได้โครงการในหลายประเทศ มีการสำรวจตลาดในแต่ละประเทศ และจะมีกลยุทธ์ในการขยายแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆ อย่าง ซึ่งวันนี้มีความมั่นใจมีศักยภาพพร้อมที่จะแข่งขันในระดับสากลแล้ว

“ปีนี้เราให้ความสำคัญกับตลาดออสเตรเลีย ซึ่งเป็นตลาดที่มีความสำคัญของธุรกิจเทคโนโลยี ทั้งจากมูลค่าตลาดด้าน IT ที่สูงมาก ใหญ่กว่าตลาดไทย 14 เท่า บริษัทในออสเตรเลียประมาณ 54%ใช้ outsource และความล้ำหน้าในการรับเทคโนโลยีใหม่ๆ นอกจากนี้การให้บริการบางส่วนที่ถือเป็นความเชี่ยวชาญของกลุ่ม BE8 ยังมีโอกาสเติบโตสูงในตลาดออสเตรเลีย” Mr.Charles Woodall กล่าว