ดาวโจนส์นิวไฮปิดบวก 228 จุด จับตาประชุมเฟด

HoonSmart.com>>ดัชนีดาวโจนส์ ปิดบวก 228.30 จุด ยืนที่ 41,622.08 จุด เป็นระดับสูงสุดในประวัติการณ์ นักลงทุนจับตาการประชุมเฟด ด้านราคาน้ำมันดิบปิดที่ 70.09 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 2.1%

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 16กันยายน 2567 ปิดที่ 41,622.08 จุด เพิ่มขึ้น 228.30 จุด หรือ +0.55% เป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ซึ่งคาดว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2020
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,633.09 จุด เพิ่มขึ้น 7.07 จุด, +0.13%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,592.13 จุด ลดลง 91.85 จุด, -0.52%
ดัชนี S&P 500 ห่างจากระดับสูงสุดของเดือนกรกฎาคมไม่ถึง 1%
แต่ดัชนี Nasdaq ปิดลบจากการร่วงลง 2.8% ของหุ้น Apple หลังนักวิเคราะห์ของหลายสำนัก รวมถึง Bank of America และ JPMorgan ตั้งข้อสังเกตว่าความต้องการ iPhone 16 Pro น้อยกว่าปีก่อน

ในกลุ่มหุ้นชิป หุ้น Nvidia ซึ่งนำการกลับมาของตลาดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ลดลง 2% หุ้น Broadcom และ KLA Corporation ต่างลดลง 2% หุ้น Marvell Technology ลดลง 1.5% แต่หุ้น Intel บวก 6% และหนุนดัชนีดาวโจนส์

กลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศลดลงเกือบ 1% เป็นกลุ่มที่ลดลงมากที่สุด กลุ่มการเงินและพลังงานเพิ่มขึ้นกว่า 1% ในวันจันทร์ ซึ่งดีกว่าตลาดในวงกว้าง

นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายของเฟด ในวันที่ 17-18 กันยายน ซึ่งคาดหวังกันในวงกว้างว่าจะลดอัตราดอกเบี้ยลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เริ่มวงจรการปรับขึ้นในเดือนมีนาคม 2022 การปรับลดอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์นี้จะเป็นการเคลื่อนไหวครั้งสำคัญ เนื่องจากนักลงทุนจำนวนมากหวังว่าการตัดสินใจดังกล่าวจะช่วยลดต้นทุนการกู้ยืมของบริษัทและหนุนการเติบโตของรายได้โดยรวม

FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า ขณะนี้นักลงทุนให้น้ำหนัก 63% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% จากระดับปัจจุบันที่ 5.25%-5.5% ในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 30% ในสัปดาห์ที่แล้ว

หุ้น Boeing ลดลงประมาณ 1% และแตะระดับต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ เนื่องจากบริษัทประกาศระงับการจ้างงาน และกำลังพิจารณาการพักงานชั่วคราว ท่ามกลางการนัดหยุดงานครั้งใหญ่ของคนงานในโรงงาน 33,000 คน ซึ่งเริ่มขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว

ตลาดยุโรปปิดลดลงเล็กน้อย จากการปรับตัวลงของหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ ขณะที่นักลงทุนมุ่งความสนใจไปที่การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ซึ่งคาดว่าจะเริ่มวงจรการผ่อนคลายนโยบายในสัปดาห์นี้
ดัชนี STOXX 600 ทั่วยุโรปปิดลดลง 0.2% หลังจากที่ปรับขึ้นติดต่อกันสามวัน กลุ่มค้าปลีกนำการปรับขึ้นของตลาดโดยเพิ่มขึ้น 0.9% ด้วยแรงหนุนจากหุ้น H&M ที่เพิ่มขึ้น 3.1%
นักลงทุนจับตาไปที่การตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยของเฟด ในวันพุธ โดยตลาดให้น้ำหนัก 61% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% และจะปรับลง 1.20% ในปี 2567
นอกจากนี้ตลาดยังจับตาการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางในนอร์เวย์และสหราชอาณาจักรในสัปดาห์นี้
ฟิลิป เลน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารกลางยุโรป( ECB ) กล่าวว่า ECB จะลดอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่ผู้กำหนดนโยบายมีมุมมองที่แตกต่างกันเกี่ยวกับการส่งสัญญาณถึงความตั้งใจ จากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
หุ้น Nestle ลดลง 1% หลังจากที่ Morgan Stanley ปรับคำแนะนำการลงทุนในหุ้นเป็น underweight และลดราคาเป้าหมายลง
ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 515.11 จุด ลดลง 0.84 จุด, -0.16%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,278.44 จุด เพิ่มขึ้น 5.35 จุด, +0.06%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,449.44 จุด ลดลง 15.81 จุด, -0.21%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 18,633.11 จุด ลดลง 66.29 จุด, -0.35%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนตุลาคม เพิ่มขึ้น 1.44 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 70.09 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 1.14 ดอลลาร์ หรือ 1.59% ปิดที่ 72.75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล