โบรกฯ มองแนวโน้มหุ้นวันนี้ปรับตัวขึ้นต่อ แรงหนุนจากปัจจัยต่างประเทศ ดาวโจนส์ปิดบวกกว่า 240 จุด หวังสหรัฐและจีนบรรลุข้อตกลงการค้า ปลายเดือนพ.ย.นี้ “บล.ฟินันเซีย ไซรัส” มองจังหวะทำกำไร เชื่อดัชนีขึ้นได้จำกัดหลังทะลุแนวต้าน 1,665 จุด
บล.เอเอสแอล มองแนวโน้มการลงทุนวันนี้ คาด SET Index โอกาสปรับตัวขึ้นได้ต่อในลักษณะ Sideway Up โดยมีแรงหนุนจาก (1) Sentiment เชิงบวกต่อเนื่องหลังผู้นำสหรัฐฯ ส่งสัญญาณพร้อมทำข้อตกลงกับจีน เพื่อคลี่คลายปัญหาการค้าในการประชุมนอกรอบระหว่างการประชุม G20 ในวันที่ 30 พ.ย. – 1 ธ.ค.นี้ (2) ธปท. รายงานตัวเลขดุลบัญชีเดินสะพัดออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด ทำให้ความกังวลจากการหดตัวของตัวเลขการส่งออกที่รายงานมาก่อนหน้าลดลงบางส่วน
ตลาดหุ้นสหรัฐ ดัชนี Dow Jones Industrial Average (DJI) ปิดวันที่ 31 ต.ค.2561 ที่ 25,115.76 จุด เพิ่มขึ้น 241.12 จุด +0.97%
อย่างไรก็ตามยังคงมองว่าตลาดมีความไม่แน่นอนที่เป็นตัวจำกัด Upside อยู่มาก โดยเฉพาะ (1) เรื่องการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯ ในสัปดาห์หน้า (6 พ.ย.) โดยจากโพลล่าสุด บ่งชี้ว่าพรรค Democrats อาจจะเป็นฝ่ายชนะ ซึ่งจะทำให้ปธน.ทรัมป์ ดำเนินนโยบายต่าง ๆ ลำบากมากขึ้น และส่งผลให้เกิดแรงขายหุ้นจากความกังวลของภาวการณ์ขาดอำนาจของผู้นำสหรัฐฯ ขณะเดียวกันประเด็นดังกล่าวก็อาจลดความกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนได้ (2) ความกังวลต่อทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ Fed หลังวานนี้มีรายงานต้นทุนการจ้างงานสหรัฐฯ ที่พุ่งสูงขึ้นเกินคาดใน 3Q61 หนุนใน Dollar Index ยืนเหนือ 97 จุดต่อเนื่อง โดยวันนี้ติดตามตัวเลขอัตราเงินเฟ้อ (CPI) เดือน ต.ค. ของไทย และผลการประชุมนโยบายการเงินของอังกฤษ
กลยุทธ์ปัจจัยพื้นฐาน ยังคงแนะนำให้นักลงทุนเลือก Selective Buy โดยเน้น (1) กลุ่ม Domestic Play ที่รายได้อิงจากเศรษฐกิจในประเทศที่ยังคงแข็งแกร่งเป็นหลัก (2) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้ประโยชน์จากงานก่อสร้างโครงการพื้นฐาน (3) สะสมหุ้นพื้นฐานดีที่ราคาปรับตัวลงมามาก โดยเลือก AOT CPALL BJC GLOBAL PLANB STEC และ SEAFCO
บล.กรุงศรี มีมุมมองเป็นกลาง-บวก คาดดัชนีปรับตัวขึ้นทดสอบ 1,675 – 1,680 จุดก่อนจะสลับอ่อนตัว โดยภาวะตลาดยังคงได้ sentiment เชิงบวกจากความคาดหวังสหรัฐและจีนจะสามารถเจรจาข้อตกลงทางการค้าได้ในการเจรจานอกรอบการประชุม G20 วันที่ 30 พ.ย. – 1 ธ.ค. ส่งผลให้แรงขายของ Foreign ลดลงและเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น
อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันที่อ่อนตัวลงต่อเนื่องหลังสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้นติดต่อกัน 6 สัปดาห์โดยล่าสุดเพิ่มขึ้นอีก 3.2 ล้านบาร์เรลจะเป็นแรงกดดันต่อกลุ่มพลังงาน อีกทั้งธปท.เผยเศรษฐกิจไทยเดือนก.ย.ขยายตัวแผ่วลงจากแรงกดดันภาคการส่งออกที่หดตัวลง (-5.5% YoY) การลงทุนภาคเอกชนทรงตัว การท่องเที่ยวขยายตัวเล็กน้อย แต่ยังได้แรงหนุนจากการบริโภคภาคเอกชนและการใช้จ่ายภาครัฐที่ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง นอกจากนี้ US bond yield 10 ปีที่ดีดตัวขึ้นเหนือ 3.1% อีกครั้งอาจเป็นแรงกดดันให้กระแส Fund flow ต่างชาติไหลออกในช่วงถัดไป
บล.ฟินันเซีย ไซรัส คาดว่า SET จะแกว่งตัว Sideways Up จากโมเมนตัมเชิงบวกสามารถหลังทะลุแนวต้าน 1,665 จุดขึ้นมาได้วานนี้ รวมถึงบรรยากาศการลงทุนในภาพรวมที่ยังดูผ่อนคลาย อย่างไรก็ตามคาดว่าการปรับขึ้นของตลาดจะจำกัดมากขึ้นและรอดูตัวเลขผลประกอบการ 3Q18 ของกลุ่ม Real Sector ที่จะประกาศออกมาหนาแน่นในช่วง 2 สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งหากไม่ได้ออกมาแย่กว่าที่ตลาดคาด เราเชื่อว่าดัชนีมีโอกาสที่จะแกว่งตัวขึ้นต่อได้ ส่วนระยะสั้นที่ดัชนี่ปรับขึ้นเร็วเรามองเป็นจังหวะทำกำไร